BMW M4 Coupe

2020 BMW M4 รถสปอร์ตคูเป้สุดเท่จากเยอรมันมาพร้อมจมูกใหม่ใหญ่กว่าเดิม

BMW ได้สร้างตำนานรถสปอร์ตคูเป้ที่ขับสนุกมานานหลายสิบปีในชื่อของ M3 แต่หลังจากที่มีการปรับโครงสร้างในการตั้งชื่อรุ่นใหม่โดยให้รถคูเป้เป็นเลขคู่ ตำนานของ M3 Coupe’ ก็ได้ถูกสืบทอดมาสู่ตำนานบทใหม่ในชื่อ M4 Coupe’ โดยถ้านับเฉพาะชื่อ M4 รุ่นปัจจุบันที่ได้เปิดตัวในปี 2020 จะนับว่าเป็นเจนเนอเรชั่นที่ 2 ของ M4 โดยมาพร้อมกับเอกลักษณ์การออกแบบสมัยใหม่ด้วยกระจังหน้าที่ขนาดใหญ่พิเศษใส่ไข่ เห็นเด่นชัดมาแต่ไกล แม้ตอนที่เป็นรถตัวต้นแบบจะได้รับการวิพากย์วิจารณ์ในแง่ลบมากกว่าแง่ดีในเรื่องของดีไซน์ แต่พอรถคันจริงเปิดตัวออกมาพร้อมกับสี Sao Paulo Yellow ของจริงมันกลับดูดีกว่าที่คิด ยิ่งดูไปยิ่งสวย นับว่าเป็นการเปิดตำนานบทใหม่ทั้งในด้านพละกำลังและดีไซน์ของ BMW ไปพร้อมๆกัน สำหรับในตอนนี้ M4 ได้มีจำหน่ายรุ่นเดียวคือรุ่นท้อปสุดของมันคือตัว Competition ก่อนที่จะมีการปล่อยตัวธรรมดา และตัว Competition xDrive ที่เป็นรุ่นท้อปขับเคลื่อน 4 ล้อตามมาในภายหลัง สำหรับในประเทศไทยได้มีการนำมาเปิดตัวครั้งแรกในงาน Bangkok Motor Show 2021 พร้อมราคาสุดเร้าที่ 9.99 ล้านบาท

ราคา BMW M4

BMW M4 Competition Coupe’ ราคา 9,999,000 บาท

การออกแบบภายนอก BMW M4

การออกแบบภายนอกของ M4 เป็นการฉีกขนบการออกแบบของกระจังหน้าไตคู่ (Kidney Grilles) ให้มีขนาดใหญ่เป็นพิเศษตามรอยรุ่นพี่อย่าง Series-7 แต่ที่ไม่เหมือนรุ่นอื่นคือนอกจากใหญ่ด้านนอนแล้วด้านตั้งก็ใหญ่ตามไปด้วย ดีไซน์แบบนี้ถ้าคนไม่รักก็เกลียดไปเลย แต่ถ้าคุณยอมเปิดใจให้เวลามันสักหน่อยมันจะสวยขึ้นเอง ซี่งในกระจังหน้าจะมีแนวเส้นดำพาดตัดกับกระจังในแนวนอนเสริมความดุดันพร้อมโลโก้ M4 Competition อยู่บริเวณด้านบนในกระจังฝั่งขวามือถ้ามองจากหน้ารถเข้าไป ไฟหน้าแบบเลเซอร์พร้อมไฟเดย์ไลท์รูปทรงหกเหลี่ยมแหว่งไปสองเหลี่ยมแบบคู่เรียงติดกันดูสวยคมและมีความอนาคตนิดๆ ช่องดักลมตรงกลางถูกแบ่งซ้ายขวาจากกระจังหน้ามีลักษณะแบบรังผึ้ง พร้อมช่องดักลมเข้าซ้ายขวาสำหรับระบายความร้อนให้เบรกตัดด้วยชายสเกิร์ตคาร์บอน ด้านข้างการออกแบบทำได้ลงตัวกว่า M4 เจนที่แล้ว อาจจะด้วยมีการนำลักษณะความโค้งมนสวยงามจากรุ่นพี่ Series-8 มาเป็นแรงบันดาลใจ ฝากระโปรงหน้ามีความโป่งนิดๆรับกับขุมพลังสุดโหด หลังคาแบบคาร์บอนพร้อมเสาอากาศแบบครีบฉลาม แนวหลังคาด้านหลังโค้งลงโดยมีเสา C หักรับกับมุมหลังคาอันเป็นเอกลักษณ์ของ BMW ที่เรียกว่า Hofmeister Kink ล้ออัลลอยมาในสไตล์ M Double-Spoke แบบดำเงา คาลิปเปอร์เบรก M สีทอง ให้รู้ว่านี่คือตัวท้อปสุด บริเวณซุ้มล้อหน้ามีช่องระบายความร้อนให้เบรกสีดำพร้อมโลโก้ M บริเวณท้ายรถน่าจะเป็นสิ่งที่มีข้อถกเถียงน้อยที่สุดในเรื่องดีไซน์เพราะทุกคนบอกว่าสวย ไฟท้ายที่ได้เอกลักษณ์มาจากพี่ใหญ่ Series-8 แต่ปรับขนาดให้เล็กลงเข้ากับตัวรถดูสวยงาม สปอย์เลอร์คาร์บอนติดแนบกับฝาท้าย ท่อไอเสียเป็นท่อคู่ทั้งฝั่งซ้ายและขวาให้อารมณ์สปอร์ตขั้นสุดพร้อมดิฟฟิวเซอร์คาร์บอนขนาดใหญ่สำหรับการจัดเรียงอากาศระดับโปร โดยรวมนับว่าดูเท่และสปอร์ตกว่ารุ่นที่แล้วมาก

มิติตัวรถ

การออกแบบภายใน BMW M4

การออกแบบภายในสำหรับ M4 รุ่น Competition คุณจะได้การตกแต่งที่โดดเด่นสะดุดตาตั้งแต่เบาะบัคเก็ตคาร์บอนที่ทั้งดุ เท่ และสวย โดยมีการตัดกันของคาร์บอน หนังแบบทูโทนฟ้าตัดเขียวสะท้อนแสง และผ้าแบบสปอร์ต บริเวณคอนโซลและแผงประตูก็มีการตัดกันแบบทูโทนระหว่างสีดำและสีฟ้าเดียวกับสีเบาะ และมีการตกแต่งภายในด้วยทริมโลหะและคาร์บอนไฟเบอร์ทั้งตรงพวงมาลัยและอุโมงค์เกียร์ พูดถึงพวงมาลัยยังมาพร้อมแพดเดิลชิฟต์คาร์บอนและแพดเดิ้ลปรับโหมดที่เราเซ็ตติ้งไว้ใน M Individual มาตรวัดเป็นแบบ Virtual Cockpit ขนาดใหญ่ที่ออกแบบไม่เหมือนรุ่นปกติทั่วไปโดยมีตัวเลขบอกเกียร์และความเร็วขนาดใหญ่ตรงกลาง ประกบด้วยมาตรวัดรอบซึ่งแยกเป็น 2 ฝั่งที่แสดงผลเหมือนกันเพื่อปลุกเร้าความสปอร์ต และข้างถัดไปจะเอาไว้แสดงข้อมูลอื่นๆของตัวรถ สำหรับจอ ConnectedDrive ตรงกลางมีการเอียงเข้าหาคนขับเล็กน้อยเพื่อให้สามารถปรับแต่งระบบช่วงล่างได้สะดวกหรือจะเอาไว้มองแผนที่ก็ได้ โดยมาพร้อมกับ iDrive เวอร์ชั่นล่าสุดแล้ว ถัดจากจอลงมาเป็นช่องแอร์คู่ตรงกลางและถัดมาเป็นปุ่มสำหรับเลือกสถานีวิทยุ บริเวณคอนโซลเกียร์ถูกตกแต่งด้วยคาร์บอนไฟเบอร์ทั้งหมด หัวเกียร์ M หุ้มหนังขนาดใหญ่กระชับมือ ข้างๆมีปุ่มสำหรับสตาร์ทรถสีแดงเห็นเด่นชัด ส่วนอีกข้างเป็นที่อยู่ของปุ่มควบคุมหน้าจอ iDrive Knob สำหรับเบาะด้านหลังอีก 2 ที่นั่งผู้ใหญ่สามารถโดยสารไปได้ถ้าไม่ไกลนักแต่ถ้าไกลจะเหมาะกับเด็กมากกว่า

เทคโนโลยีและสิ่งอำนวยความสะดวก

BMW M4 Competition จัดเต็มกับเทคโนโลยีมากมายทั้งสำหรับการขับขี่และการโดยสาร ได้แก่ ระบบช่วงล่างแปรผันตามการขับขี่ (Adaptive M Suspension) พร้อมเฟืองท้ายแบบ M Sport ไฟหน้ารถเป็นแบบ Laser Light จัดเต็ม ระบบปัดน้ำฝนอัตโนมัติ ระบบเปิดไฟสูงอัตโนมัติ การเข้าออกรถแบบไม่ต้องควักกุญแจ (Comfort Access) มีการแสดงข้อมูลการขับขี่แบบยิงขึ้นกระจกหน้า (HUD) เบาะนั่งบักเก็ต M Carbon พร้อมระบบปรับดันหลังไฟฟ้า มีไฟสร้างบรรยากาศในห้องโดยสาร กระจกมองหลังและมองข้างแบบปรับลดแสงอัตโนมัติ ระบบปรับอากาศอัตโนมัติ ระบบความบันเทิงของรถรองรับ Apple CarPlay และ Android Auto พร้อมรองรับการสั่งการด้วยการเคลื่อนไหวของมือ (Hand Gesture Control) ระบบเสียงของ Harman Kardon มีที่ชาร์จโทรศัพท์แบบไร้สายให้ มีกล้องมองภาพรอบคันและทีเด็ดที่ไม่คิดว่ารถสปอร์ตตัวแรงแบบนี้จะมีให้คือ ระบบช่วยจอดรถอัตโนมัติ (Parking Assistant Plus)

ระบบความปลอดภัยเชิงปกป้อง (Passive safety)

• ระบบเบรกป้องกันล้อล็อค (ABS)
  
• ระบบควบคุมการทรงตัว (DSC)
  
• ระบบควบคุมการยึดเกาะถนนน (DTC)
  
• ระบบควบคุมแรงดันเบรกแบบแปรผัน (DBC)
  
• ระบบเสริมแรงเบรกอัตโนมัติ (BA)
  
• ระบบควบคุมการกระจายแรงเบรกขณะเข้าโค้ง (CBC)
  
• ระบบควบคุมเสถียรภาพการขับขี่แบบ (M Dynamic MDM)
  
• เซนเซอร์ควบคุมระบบความปลอดภัยเมื่อเกิดการชน (Crash Sensor)
  
• ถุงลมคู่หน้า / ด้านข้าง / ม่านถุงลม / หัวเข่า

ระบบความปลอดภัยเชิงป้องกัน (Active safety)

• ระบบเตือนเมื่อรถออกนอกช่องจราจร (Lane Departure Warning)
  
• ระบบเตือนเมื่อมีรถตัดผ่านขณะถอยหลัง (Crossing-traffic Warning Rear)
  
• ระบบเตือนเมื่อมีรถในจุดอับสายตา (Lane Change Warning)
  
• ระบบช่วยเบรกอัตโนมัติเมื่อตรวจจับรถและคนเดินถนนที่ความเร็วต่ำ (City Braking Function)
  
• ระบบช่วยเบรกอัตโนมัติขณะถอยจอด (Rear Collision Prevention)
  
• ระบบเตือนป้ายจราจร (Speed Limit Info and no-overtaking indicator)
  
• ระบบเซนเซอร์กะระยะช่วยจอดหน้า – หลัง
  

ขุมพลังและสมรรถนะ

BMW M4 Competition มาพร้อมขุมพลังเบนซิน 6 สูบแถวเรียง ขนาดความจุ 3.0 ลิตร เทอร์โบคู่ ในรหัส S58B30T0 ให้พละกำลังสูงสุด 510 แรงม้า ที่ 6250 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 650 นิวตันเมตร ที่ 2750 - 5500 รอบ/นาที ส่งกำลังผ่านเกียร์อัตโนมัติ 8 จังหวะ โดยสามารถทำอัตราเร่งจาก 0 - 100 กม./ชม. ได้ภายใน 3.9 วินาที ล็อคความเร็วสูงสุดไว้ที่ 250 กม./ชม. แต่ถ้าคุณเข้าคอร์สอบรมหลักสูตร M Driving จาก BMW จนจบคอร์สคุณถึงจะได้ปลดล็อคความเร็วไปถึงความเร็วสูงสุดของรถคันนี้ที่ทำได้ที่ 290 กม./ชม.

ประสบการณ์การขับขี่

การขับเจ้า M4 Competition คันนี้ให้ความรู้สึกดีดกว่ารุ่นเก่าแต่ขับง่ายกว่ากันนิดหน่อย ด้วยพละกำลังที่มากขึ้นแต่การยึดเกาะก็เพิ่มมากขึ้นเช่นกัน มันเป็นรถที่เร็วมากคันหนึ่งซึ่งการเร่ง 0 - 100 อาจจะเร็วกว่าตัวเลขที่ทางโรงงานเคลมมาที่ 3.9 วิด้วยในบางครั้ง และแน่นอนว่า M4 เป็นรถที่ดริฟต์ได้ ถ้าคุณตั้งใจจะดริฟต์คุณอาจต้องปิดระบบแทร็คชั่นก่อนซึ่งพอปิดแล้วคุณจะสามารถดริฟต์ได้อย่างใจอยาก แต่ถ้าแค่อยากให้ท้ายปัดพอสนุก คุณเติมคันเร่งแล้วหักพวงมาลัยเอาได้เลยสำหรับการใช้งานในชีวิตประจำวันด้วยความที่เป็นเกียร์อัตโนมัติแบบธรรมดา ทำให้ใช้งานได้ค่อนข้างสบาย ช่วงล่างหนึบแต่ยังคงความสบายในโหมดธรรมดาเพราะเป็นช่วงล่างแบบปรับแปรผันได้ตามโหมดการขับขี่ เรียกได้ว่ามีพัฒนาการที่ดีขึ้นจากเจนที่แล้วในทุกด้าน

ความสะดวกสบายในการโดยสาร

เบาะบัคเก็ตแบบคาร์บอนตัดด้วยหนังแท้แบบทูโทนมันทั้งเท่และนั่งได้กระชับมากๆแต่ยังไม่ทิ้งความสบาย และยังสามารถปรับไฟฟ้าได้หลายทิศทางเพื่อให้รับกับสรีระของแต่ละคนแถมยังปรับดันหลังได้ด้วย การนั่งให้ความมั่นใจว่าเบาะมันยึดตัวเราอยู่ไม่ไหลไปกับรถแน่นอน วัสดุภายในก็ดูดีและใช้งานง่าย ที่พักแขนใช้งานได้จริง โดยรวมคือน่าประทับใจ

BMW M4 Competition Coupe’ คือการสืบสานตำนานรถสปอร์ตคูเป้ที่ดีที่สุดจากมิวนิคไว้ได้อย่างเยี่ยมยอด แม้ดีไซน์อาจจะมีเสียงแตกบ้างแต่ก็เป็นการสร้างอัตลักษณ์ใหม่ๆอันโดดเด่นที่ไปไหนคนต้องรู้จักทันทีว่าเป็น M4 ยุคใหม่แล้ว ส่วนด้านท้ายคือไร้ที่ติ สวย ดุดัน ลงตัว สำหรับภายในเบาะบัคเก็ตคาร์บอนนี่ถือว่าสวยเป็นอันดับต้นๆของเบาะบัคเก็ตที่ได้มาจากโรงงานเลย สำหรับขุมพลังก็นำเครื่อง 6 สูบแถวเรียงเทอร์โบคู่จากเจนที่แล้วมาพัฒนาต่อให้ได้ศักยภาพที่ดีขึ้น เร่งเร็วขึ้นและเร็วกว่าตัวเลขจากโรงงานซะอีกในการเทสหลายครั้ง มีการใส่โหมดดริฟต์มาให้เพื่อให้คุณได้หาที่โล่งๆสนุกกับรถคันโปรดของคุณได้ เก็บคะแนนแล้วโพสแข่งกับเจ้าของ M คันอื่นได้ถือว่าเป็นลูกเล่นใหม่ที่ช่วยเพิ่มอะดรีนาลีนในชีวิตคุณ ถ้าคุณอยากได้รถสปอร์ตคูเป้ที่ดีที่สุดรุ่นหนึ่งของโลก M4 ไม่เคยทำให้คุณผิดหวังอยู่แล้ว