วิกฤตการณ์ขาดแคลนชิปของอุตสาหกรรมยานยนต์ทั่วโลกยังไม่มีทีท่าว่าจะจบลง ปัญหาด้านซัพพลายเชน การลดกำลังการผลิต และการหยุดการผลิตชั่วคราว คนวงในอุตสาหกรรมดังกล่าวบางคนยังมองในแง่ดีว่าวิกฤตจะลดลงในอีกสองสามเดือน แต่พวกเขาอาจจะคิดผิด
- รัสเซียเป็นฐานการผลิตของผู้ผลิตรถหลายราย
- โลหะที่จำเป็นสำหรับการผลิตรถยนต์อยู่ในรัสเซียจำนวนมาก
- วิกฤตนี้ส่งผลให้น้ำมันแพงขึ้น
- ราคารถอาจแพงขึ้นด้วย
ในขณะนี้ วิกฤตการณ์ที่รุนแรงในระหว่างประเทศยูเครนกับรัสเซีย ทำให้สิ่งที่กำลังจะดีขึ้น กลับกลายเป็นคลื่นลูกที่สองที่จะถาโถมเข้าอุตสาหกรรมรถยนต์
window.googletag = window.googletag || {cmd: []}; googletag.cmd = googletag.cmd || []; googletag.cmd.push(function() { googletag.defineSlot('/22557728108/th_article_fourthp_under_pc', [
728,
90
], 'div-gpt-ad-1685678191139-0').addService(googletag.pubads()); googletag.pubads().enableSingleRequest(); googletag.pubads().collapseEmptyDivs(); googletag.enableServices(); });
googletag.cmd.push(function() { googletag.display('div-gpt-ad-1685678191139-0'); });
ในโลกของอุตสาหกรรมรถยนต์ รัสเซียถือว่าสำคัญเป็นอย่างมากเลยทีเดียว เนื่องจากรัสเซียเป็นภูมิภาคที่มีทรัพยากรที่มากมายสำหรับการผลิตโลหะชนิดที่จำเป็นต่อการผลิตรถยนต์ เช่น นิกเกิลและพาลาเดียม
นอกจากนี้ รัสเซียยังเป็นฐานการผลิตสำหรับผู้ผลิตรถยนต์ชั้นนำหลายราย เช่น Volkswagen, Toyota, และ Stellantis
ในทางกลับกัน ตามรายงานของ NBC News กว่าหนึ่งในสี่ของชิ้นส่วนที่ใช้ในรถที่ผลิตในรัสเซียนั้นนำเข้ามาจากต่างประเทศ บางส่วนก็ผลิตมาจากสหรัฐฯ ด้วย
ประเทศอเมริกาใต้และซิมบับเวนั้นสามารถผลิตพาลาเดียมได้จำนวนมาก อย่างไรก็ตาม มีการคาดการณ์ในปัจจุบันระบุว่าราคาจะขึ้นสูงถึง 800 ดอลล่าร์ต่อออนซ์ระหว่างกลางเดือนธันวาคมจนถึงเมื่อไม่กี่วันนี้
ส่วนแร่นิกเกิลยังสามารถผลิตในอินโดนีเซียและฟิลิปปินส์และมีความสำคัญต่อการผลิตแบตเตอรี่ก็กำลังเผชิญกับการขาดแคลน ทั้งอังกฤษและสหรัฐฯ ยังมีเป้าหมายในการเพิ่มกำลังการผลิตรถยนต์ไฟฟ้าภายในปี 2030 โดยที่ทางอังกฤษกำลังจะหยุดผลิตเครื่องยนต์สันดาป ทำให้ความต้องการของนิกเกิลเพิ่มขึ้น
ราคาน้ำมันขึ้นสูงกว่าเดิม
นอกจากนี้ ราคาน้ำมันที่แตะระดับสูงสุดในรอบ 8 ปีในสัปดาห์นี้เนื่องด้วยความตึงเครียดทางการเมือง รัสเซียมีสัดส่วนการส่งออกน้ำมันดิบประมาณ 12% ซึ่งอาจส่งผลให้ราคาน้ำมันสูงขึ้นทั่วโลก (อยู่ใน 5 อันดับแรกของโลก)
ราคารถก็อาจแพงขึ้นด้วย
จากรายงานของผู้เชี่ยวชาญด้านเศรษฐกิจระบุว่า การคว่ำบาตรระหว่างประเทศหรือการควบคุมการส่งออกทำให้ปัญหาการขาดแคลนชิปทั่วทั้งอุตสาหกรรมนั้นแย่ลง
ในเดือนมกราคมที่ผ่านมา ราคาเฉลี่ยของรถยนต์ใหม่ในสหรัฐฯ อยู่ที่ 45,000 ดอลล่าร์สหรัฐฯ หรือประมาณ 1.47 ล้านบาท หากมีวิกฤตเกิดขึ้นอีกครั้ง ราคาเฉลี่ยของรถยนต์ก็สามารถสูงขึ้นได้อีก เพราะยังไม่ชัดเจนว่าผู้ผลิตรถยนต์จะแบกรับต้นทุนที่เพิ่มขึ้นนี้เองหรือไม่ แต่หากราคารถจะสูงขึ้นอีก ผู้บริโภคมีกระเป๋าฉีกกันแน่
อ่านเพิ่มเติม : วิกฤตยูเครน-รัสเซีย ทำน้ำมันแพงเป็นประวัติการณ์
window.googletag = window.googletag || {cmd: []}; googletag.cmd = googletag.cmd || []; googletag.cmd.push(function() { googletag.defineSlot('/22557728108/th_article_relatedmodel_above_pc', [
728,
90
], 'div-gpt-ad-1685678175456-0').addService(googletag.pubads()); googletag.pubads().enableSingleRequest(); googletag.pubads().collapseEmptyDivs(); googletag.enableServices(); });
googletag.cmd.push(function() { googletag.display('div-gpt-ad-1685678175456-0'); });