อุตสาหกรรมยานยนต์ทั่วโลกกำลังเปลี่ยนผ่านจากเครื่องยนต์สันดาปสู่ระบบขับเคลื่อนไฟฟ้า แต่ไม่ว่าเทคโนโลยีจะก้าวล้ำหน้าเพียงใดก็ตาม ยานพาหนะในกองทัพยังไม่มีแนวโน้มว่าจะเปลี่ยนแปลง
ยกตัวอย่างกองทัพสหรัฐซึ่งมีแสนยานุภาพมากที่สุดทั้งในด้านกำลังพลและเทคโนโลยี พวกเขายังไม่นิยมใช้ระบบขับเคลื่อนไฟฟ้า แต่ยังคงยึดมั่นกับเครื่องยนต์สันดาปซึ่งมีทั้งเบนซินและดีเซล แน่นอนว่าเมื่อพวกเขาเคลื่อนกำลังแต่ละครั้ง ย่อมใช้เชื้อเพลิงและปล่อยมลพิษอย่างมหาศาล
มีรายงานว่ากองทัพสหรัฐมีรถฮัมวีมากกว่า 120,000 คัน รถหุ้มเกราะต้านทานทุ่นระเบิดและซุ่มโจมตี 25,000 คัน รถถัง 6,300 คัน อากาศยานไร้คนขับชนิดปีกตรึงและเฮลิคอปเตอร์จู่โจมอย่างละอีกกว่า 5,000 ลำ
window.googletag = window.googletag || {cmd: []}; googletag.cmd = googletag.cmd || []; googletag.cmd.push(function() { googletag.defineSlot('/22557728108/th_article_fourthp_under_pc', [
728,
90
], 'div-gpt-ad-1685678191139-0').addService(googletag.pubads()); googletag.pubads().enableSingleRequest(); googletag.pubads().collapseEmptyDivs(); googletag.enableServices(); });
googletag.cmd.push(function() { googletag.display('div-gpt-ad-1685678191139-0'); });
ระหว่างการประจำในแนวรถหนึ่งวัน มีการประเมินว่าหนึ่งกองทัพจะต้องใช้น้ำมันเชื้อเพลิงถึง 500,00 แกลลอนหรือประมาณ 2.2 ล้านลิตรต่อวันเลยทีเดียว
เพราะพลังงานไฟฟ้าลำบากกว่าเยอะ?
ยานพาหนะทั้งทางบกและอากาศเหล่านี้ใช้เชื้อเพลิงจำนวนมหาศาล และดูเหมือนว่าเหล่านายพลในกองทัพทั่งโลกจะไม่สนับสนุนการเปลี่ยนมาใช้ระบบขับเคลื่อนไฟฟ้า เพราะเหตุใด?
สาเหตุง่าย ๆ ก็คือ ไม่มีนายพลคนไหนอยากเสียเวลาไปกับการเตรียมชาร์จไฟยานพาหนะหลากหลายรูปแบบข้ามคืนเพื่อเตรียมพร้อมเคลื่อนทัพในวันรุ่งขึ้น และหากอากาศเย็นยะเยือกเกินไปก็อาจสุ่มเสี่ยงที่ยานพาหนะทั้งหมดจะใช้งานได้ไม่เต็มร้อยอีกด้วย
การบุกตะลุยเส้นทางสมบุกสมบันอาจใช้เวลานานหลายวัน ซึ่งการเติมเชื้อเพลิงเบนซินหรือดีเซลปกติจะทำได้สะดวกสบายมากกว่า
กระนั้น จุดเด่นของรถหุ้มเกราะพลังงานไฟฟ้าก็มีเหมือนกัน นั่นคือการทำงานที่เงียบเชียบ ขจัดปัญหาด้านการขนส่งเชื้อเพลิง และยังช่วยลดอันตรายจากการถูกโจมตีลงได้ เพราะรถหุ้มเกราะที่มีน้ำมันเต็มถังมีความเสี่ยงที่จะเกิดการสูญเสียหนักหากเกิดการระเบิด
ที่ผ่านมา มีหลายบริษัทผู้พัฒนายุทโธปกรณ์อย่าง AM General, GM Defense และ Oshkosh ที่พยายามพัฒนายานพาหนะพลังงานทางเลือกสำหรับใช้งานในกองทัพ แต่ส่วนใหญ่แล้วอยู่ในขั้นตอนการวิจัยรถโปรโตไทพ์หรือรถต้นแบบ ยังไม่มีการต่อยอดมาผลิตออกใช้งานในวงกว้าง
อย่างไรก็ตาม มีรายงานว่ากองทัพสหรัฐแสดงความสนใจใช้งานรถไฮบริดด้วยเป้าหมายการลดภาระด้านโลจิสติกส์หรือการขนส่งเชื้อเพลิงเข้าสู่พื้นที่ปฏิบัติการ การใช้เครื่องยนต์สันดาปควบคู่กับมอเตอร์ไฟฟ้าจะช่วยลดอัตราบริโภคน้ำมันได้ระดับหนึ่ง
เว็บไซต์ Popular Mechanics ระบุว่ากองทัพมิอาจยึดมั่นกับเครื่องยนต์สันดาปได้ตลอดไป แต่ก็ยังไม่สามารถหันไปใช้พลังงานไฟฟ้าได้เต็มตัว เนื่องจากยังมีข้อจำกัดทางเทคโนโลยี ตราบใดที่การชาร์จไฟยังทำได้อย่างยากลำบาก ยานพาหนะทางการทหารก็ยังคงล้างผลาญเชื้อเพลิงและปล่อยมลพิษจำนวนมหาศาลต่อไป
window.googletag = window.googletag || {cmd: []}; googletag.cmd = googletag.cmd || []; googletag.cmd.push(function() { googletag.defineSlot('/22557728108/th_article_relatedmodel_above_pc', [
728,
90
], 'div-gpt-ad-1685678175456-0').addService(googletag.pubads()); googletag.pubads().enableSingleRequest(); googletag.pubads().collapseEmptyDivs(); googletag.enableServices(); });
googletag.cmd.push(function() { googletag.display('div-gpt-ad-1685678175456-0'); });