เรียกว่าเป็นจตุรเทพแห่งโลกยานยนต์ก็ว่าได้ สำหรับรถสมรรถนะสูง 4 รุ่น นำโดย Bugatti Divo ที่เริ่มส่งมอบคันแรกให้ลูกค้ามหาเศรษฐีกระเป๋าหนักเรียบร้อยแล้ว
เซกเมนท์รถไฮเปอร์คาร์มีทางเลือกเพิ่มขึ้นทุกปี เมื่อบริษัทรถยนต์หลายรายเดินหน้าพัฒนาผลิตภัณฑ์ของตนเองออกดึงดูดลูกค้าเท้าขวาหนัก รถสมรรถนะสูงสุดขั้วส่วนใหญ่มีจำนวนผลิตจำกัด เป้าหมายหลักจึงไม่ได้อยู่ที่การสร้างผลกำไรเป็นกอบเป็นกำเหมือนรถประเภทอื่น ๆ หากคือการสร้างภาพลักษณ์และสนับสนุนแบรนด์ให้แข็งแกร่งมากขึ้น
เราไปชมกันเลยว่ารถสมรรถนะสูง 4 รุ่นที่เรานำมาฝากกันนั้นมีรุ่นใดบ้าง
Bugatti Divo ที่สุดแห่งไฮเปอร์คาร์จากเมืองน้ำหอม
Divo ได้รับการพัฒนาบนพื้นฐานของ Chiron ผลิตจำนวนจำกัดเพียง 40 คันเท่านั้นเพื่อเฉลิมฉลองวาระโอกาสที่ Bugatti ดำเนินธุรกิจครบ 110 ปี รูปทรงตัวถังหัวจรดท้ายได้รับการปรับปรุงใหม่ให้มีความลู่ลมตามหลักอากาศพลศาสตร์ที่ดียิ่งขึ้นและสร้างแรงกดได้มากกว่าเดิม 90 กก.
หัวใจขับเคลื่อนเป็นเครื่องยนต์บล็อก W16 ขนาด 8.0 ลิตร เทอร์โบชาร์จ 4 ลูก พละกำลังสูงสุด 1,500 แรงม้า แรงบิด 1,600 นิวตันเมตร ทำอัตราเร่ง 0-100 กม.ต่อชม. ภายใน 2.4 วินาที ความเร็วสูงสุด 380 กม.ต่อชม.
นอกจากราคาจำหน่ายที่แพงกระฉูดถึง 5.9 ล้านเหรียญสหรัฐ อีกหนึ่งตัวเลขที่น่าสนใจของ Divo คืออัตราสิ้นเปลืองน้ำมันเชื้อเพลิงที่ซดโฮกฮากที่ 4.4 กม.ต่อลิตร เรียกว่าถ้าเผลอกดคันเร่งแช่นานไปหน่อย น้ำมันอาจเกลี้ยงถังโดยไม่รู้ตัว
Aston Martin Valkyrie ขุมพลังวี12 พ่วงมอเตอร์ 1,160 แรงม้า
Valkyrie ปรากฏตัวบนถนนสาธารณะเพื่อทดสอบสมรรถนะครั้งแรกในเดือนมีนาคมที่ผ่านมา รถไฮเปอร์คาร์รุ่นใหม่นี้เกิดจากการพัฒนาร่วมกันระหว่าง Aston Martin และ Red Bull Advanced Technologies โดดเด่นด้วยรูปทรงเตี้ยแบนติดพื้นสไตล์รถไฮเปอร์คาร์ที่ถ่ายทอดเทคโนโลยีจากรถแข่งฟอร์มูล่าวัน อัตราส่วนแรงม้าต่อน้ำหนักอยู่ที่ 1:1 และมีจำนวนผลิตเพียง 150 คันในโลกเท่านั้น
หัวใจขับเคลื่อนของ Valkyrie เป็นขุมพลังไฮบริด เครื่องยนต์วี12 ขนาด 6.5 ลิตรไม่มีระบบอัดอากาศ ทำงานร่วมกับมอเตอร์ไฟฟ้า มีพละกำลังสูงสุด 1,160 แรงม้าที่ 10,500 รอบต่อนาที แรงบิด 900 นิวตันเมตรที่ 6,000 รอบต่อนาที
ขุมพลังบล็อกนี้เป็นฝีมือการพัฒนาของบริษัทวิศวกรรมยานยนต์ชื่อดังจากประเทศอังกฤษอย่าง Cosworth ซึ่งเคลมรอบเครื่องเรดไลน์ไว้ที่ 11,200 รอบต่อนาที ดูตัวเลขก็ทราบได้ทันทีว่าเสียงเครื่องยนต์ต้องแผดคำรามไพเราะเสนาะโสตแน่นอน
อย่างไรก็ตาม รายงานข่าวล่าสุดระบุว่า Valkyrie มีปัญหาหลายอย่างระหว่างการทดสอบ ทั้งการขาดความทนทาน เสียงเครื่องยนต์ที่ดังเกินไป และการควบคุมรถที่ทำได้ยาก กระทั่งมีกระแสข่าวว่า Aston Martin ที่มีสถานะการเงินไม่สู้ดีนักอาจยกเลิกโครงการนี้ไปเสียอย่างนั้น
Mercedes-AMG One “พุ่งออกไปเหมือนกระสุน”
โปรเจคต์การพัฒนา Mercedes-AMG One เดินหน้าไปอย่างต่อเนื่อง ล่าสุดมีรายงานว่าค่ายรถยักษ์ใหญ่จากเยอรมนีเตรียมจะนำไฮเปอร์คาร์ไฮบริดรุ่นนี้ออกทดสอบในสนามเนอร์เบิร์กริงในอนาคตอันใกล้
One มาพร้อมคำนิยามว่าเป็นรถไฮเปอร์คาร์ที่ทะเยอทะยานที่สุดเท่าที่ Mercedes-Benz เคยสร้างมา มีจำนวนการผลิต 275 คันในโลกและทุกคันถูกจับจองหมดแล้ว กำหนดขึ้นสายการผลิตและส่งมอบให้ลูกค้าจะมีขึ้นภายในปี 2021
ระบบขับเคลื่อนเป็นแบบไฮบริดที่ถ่ายทอดจากรถแข่งฟอร์มูล่าวัน เครื่องยนต์วี6 พ่วงเทอร์โบชาร์จประสานการทำงานร่วมกับมอเตอร์ไฟฟ้า 4 ตัว รีดพละกำลังเฉียด 1,000 แรงม้า อัตราเร่ง 0-200 กม.ต่อชม. ภายในเวลาไม่ถึง 6 วินาที ความเร็วสูงสุดเกินกว่า 350 กม.ต่อชม.
ลูอิส แฮมิลตัน แชมป์โลกฟอร์มูล่าวันของทีมเมอร์เซเดส ให้ความเห็นไว้หลังจากได้ทดสอบขับ One ว่า “รถคันนี้พุ่งออกตัวราวกับลูกกระสุน แถมเสียงขุมพลังก็ดังเหมือนกับรถแข่งเลยทีเดียว”
Lotus Evija ไฮเปอร์คาร์ไฟฟ้า 2,000 แรงม้า
ถึงแม้จะเผชิญกับไวรัสสายพันธุ์ใหม่ แต่ Lotus ก็ยืนยันกำหนดการส่งมอบ Evija ให้แก่ลูกค้าจะมีขึ้นตามแผนเดิมคือภายในช่วงปลายปีนี้แน่นอน
Evija คือไฮเปอร์คาร์พลังงานไฟฟ้าเต็มรูปแบบ ติดตั้งมอเตอร์ไฟฟ้า 4 ตัว รีดพละกำลังสูงสุดมหาศาล 2,000 แรงม้า แรงบิด 1,254 นิวตันเมตร สามารถโลดแล่นได้ไกลประมาณ 250 กม.ต่อการชาร์จไฟเต็มแบตเตอรี่หนึ่งครั้ง
อัตราเร่งของ Evija ทะยานจาก 0-100 กม.ต่อชม. ได้ภายในเวลาไม่ถึง 3 วินาที ท็อปสปีดทำได้เกินกว่า 320 กม.ต่อชม.
ไฮเปอร์คาร์ไฟฟ้าจากเมืองผู้ดีรุ่นนี้มีจำนวนผลิต 130 คันในโลก เคาะราคาจำหน่ายอยู่ที่ 1.9 ล้านปอนด์