งานลอสแองเจลิส ออโต้โชว์เปิดฉากขึ้นพร้อมกับการเผยโฉมรถยนต์ไฟฟ้าหลายรุ่นที่มีราคาถูกกว่าและมิติตัวถังที่ใหญ่กว่าผู้นำตลาดอย่าง Tesla (เทสล่า)
ระหว่างงานแถลงข่าวเปิดบูธที่แอลเอ ออโต้โชว์ Kia Motors (เกีย) นำเสนอรถครอสโอเวอร์ไฟฟ้า EV6 รุ่นใหม่พร้อมกับเปรียบเทียบกับ Tesla กันแบบตรงไปตรงมาด้วยการเคลมว่ารถอีวีจากแดนโสมขาวสามารถขับขี่ข้ามประเทศสหรัฐอเมริกาด้วยระยะชาร์จไฟที่สั้นกว่ารถอีวีสัญชาติอเมริกันถึง 5 ชั่วโมง
นอกจากนี้ Kia ยังเผยโฉม EV9 และ SEVEN รถเอสยูวีไฟฟ้ารุ่นต้นแบบที่มีตัวถังขนาดใหญ่ เตรียมขึ้นสายการผลิตออกจำหน่ายจริงภายในปี 2024
ไมเคิล แม็คเฮล ผู้อำนวยการฝ่ายสร้างสรรค์แบรนด์ของ Kia กล่าวว่า “Tesla มียอดขายที่สูงและได้รับการยอมรับจากสาธารณชนเป็นอย่างดี แต่รถของพวกเขาก็ไม่ได้เหมาะสำหรับทุกคน ดังนั้น ตลาดรถอีวีควรจะมีทางเลือกที่หลากหลายเสมอ”
การมุ่งเน้นสร้างรถเอสยูวีไฟฟ้าสะท้อนความต้องการของผู้บริโภคในสหรัฐอเมริกาที่ชื่นชอบรถอเนกประสงค์มากกว่ารถซีดาน
“ภาพลักษณ์ของรถยนต์ไฟฟ้าจะไม่ใช่รถเพื่อคนที่มองหาความประหยัดอีกต่อไป แต่กำลังกลายเป็นรถที่ทุกคนต้องการใช้งานตามปกติ” เบรตต์ สมิธ ผู้อำนวยการฝ่ายเทคโนโลยีของบริษัทวิจัยตลาด Center for Automotive Research กล่าว
เปิดตัวนวัตกรรมล้ำสมัย
บริษัทรถยนต์ที่ต้องการเขย่าบัลลังก์ Tesla ยังนำเสนอนวัตกรรมเทคโนโลยีใหม่ ๆ เพื่อดึงดูดลูกค้า อย่างหน้าจอหมุนได้บนแดชบอร์ดใน Fisker Ocean SUV
เฮนริค ฟิสเคอร์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของ Fisker Inc กล่าวว่า Ocean จะเป็นรถโปรดักชั่นรุ่นแรกในอุตสาหกรรมยานยนต์ที่มาพร้อมหน้าจอที่หมุนปรับเปลี่ยนทิศทางจากแนวตั้งไปเป็นแนวนอนได้ขณะใช้งานจริง
“เราจดสิทธิบัตรหน้าจอแบบหมุนได้ไว้แล้ว” ฟิสเคอร์ให้สัมภาษณ์สำนักข่าว Reuters พร้อมกับเผยว่าหน้าจอดังกล่าวจะผลิตโดย Foxconn Technology ซึ่งยังรับหน้าที่ผลิตรถเอสยูวีรุ่นแรกของ Fisker ในสหรัฐอเมริกาอีกด้วย
“ผมคิดว่ารถรุ่นนี้จะดึงดูดคนรุ่นใหม่อายุน้อยได้มากมายและกลุ่มคนที่ต้องการใช้หน้าจอที่มีความสร้างสรรค์ขณะเดินทางหรือขณะรอชาร์จไฟ” ฟิสเคอร์ กล่าวเพิ่มเติม
Fisker และบริษัทรถยนต์ไฟฟ้าจากเวียดนามอย่าง VinFast ยังใช้กลยุทธ์สื่อสารการตลาดไปในทิศทางเดียวกันว่า พวกเขามีผลิตภัณฑ์ที่มีราคาเอื้อมถึงได้ง่าย บำรุงรักษาถูก และมีระยะทางขับขี่ที่ไกลกว่ารถอีวีของ Tesla
ปัจจุบัน Tesla ขึ้นแท่นเป็นบริษัทรถยนต์ที่มีมูลค่าสูงที่สุดในโลก มาร์เก็ตแคปทะลุหลัก 1 ล้านล้านเหรียญสหรัฐ หรือ 33 ล้านล้านบาท ผู้เชี่ยวชาญหลายคนชี้ตรงกันว่าค่ายรถอีวีจากแคลิฟอร์เนียเติบโตอย่างก้าวกระโดดเพราะ “พยากรณ์ทิศทางในอนาคตได้อย่างถูกต้องแม่นยำ”
ได้อย่างเสียอย่าง
บริษัทรถยนต์ส่วนใหญ่มองว่า การรุกตลาดที่มีผู้บุกเบิกอยู่ก่อนแล้วเป็นเรื่องที่ดีเนื่องจากมีความเสี่ยงต่ำ และยังสามารถใช้กลยุทธ์ที่หลากหลายกว่าได้
ไมเคิล โลห์สเชลเลอร์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของ VinFast Global กล่าวว่า บริษัทฯ จะใช้กลยุทธ์การกำหนดราคาที่สมเหตุสมผลซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้ผู้บริโภคตัดสินใจเปลี่ยนจากรถเครื่องยนต์สันดาปมาสู่รถยนต์ไฟฟ้า
ขณะที่ฟิสเคอร์ มองว่าการจับมือกับหุ้นส่วนที่ดีอย่าง Magna International ช่วยย่นระยะเวลาการพัฒนาผลิตภัณฑ์ และการทำงานกับ CATL ผู้ผลิตแบตเตอรี่ที่มีเทคโนโลยีพร้อมอยู่แล้วยังทำให้สามารถสร้างรถที่วิ่งได้ไกลกว่า
แต่นักวิเคราะห์อย่างสมิธมองว่า บริษัทรถยนต์ที่เป็นผู้ตามนั้นจะต้องพบกับความท้าทายในการสร้างแบรนด์ เพราะคำว่ารถยนต์ไฟฟ้ากลายเป็นส่วนหนึ่งของ Tesla ไปแล้ว การเปิดตัวรถยนต์ไฟฟ้านั้นง่าย แต่การทำยอดขายนั้นยากยิ่ง
“ตลาดรถยนต์ไฟฟ้านั้นเปิดกว้าง และมีโอกาสมากมายสำหรับหลายบริษัท ไม่ว่าพวกเขาจะมาจากประเทศใดก็ตาม แต่การที่ Tesla สร้างความสำเร็จได้อย่างยิ่งใหญ่นั้นไม่ได้หมายความว่าจะเป็นเรื่องง่ายหรือค่ายอื่นจะทำตามได้” สมิธ กล่าวปิดท้าย