ผู้เชี่ยวชาญด้านการรับมือเหตุฉุกเฉินชี้แบตเตอรี่ในรถยนต์ไฟฟ้ามีความเสี่ยงที่จะติดไฟได้เมื่อเกิดอุบัติเหตุ และยังดับไฟได้ยากกว่าเมื่อเทียบกับเครื่องยนต์สันดาป
ความวิตกกังวลของการใช้งานรถยนต์ไฟฟ้าไม่ได้อยู่ที่ระยะทางขับขี่ที่ค่อนข้างจำกัด การชาร์จไฟที่กินเวลานาน และเครือข่ายจุดชาร์จไฟที่ยังไม่ครอบคลุมเท่านั้น แต่ยังรวมถึงการ “ดับหรือควบคุมเพลิง” เมื่อเกิดไฟลุกไหม้ตัวรถก็กลายเป็นประเด็นที่ถูกพูดถึงมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง
ความท้าทายเมื่อแบตเตอรี่ไฟลุกไหม้
สหพันธ์การป้องกันอัคคีภัยของยุโรปหรือ CFPA (Confederation of Fire Protection Associations Europe) ระบุว่า แบตเตอรี่ในรถยนต์ไฟฟ้าและรถยนต์ไฮบริดเป็นส่วนประกอบที่มีความสำคัญสูงสุดที่นักผจญเพลิงต้องใส่ใจอย่างมากในกรณีที่เกิดอุบัติเหตุ
เซลล์ในแบตเตอรี่ลิเธียม-ไอออนอาจได้รับความเสียหายเมื่อเกิดการชนปะทะ ทำให้เกิดความร้อนที่แพร่กระจายไปสู่เซลล์อื่น ๆ ในตัวแบตเตอรี่ ปรากฎการณ์ลูกโซ่ดังกล่าวเรียกว่า “ความร้อนพุ่งทะยานสูงสุด” หรือ “thermal runaway” ซึ่งเมื่อเกิดขึ้นแล้วยากจะควบคุมได้
มีรายงานว่า รถยนต์ไฟฟ้า BYD Han ในประเทศจีนเกิดไฟลุกไหม้หลังจากเกิดอุบัติเหตุนานถึง 48 ชั่วโมง ถึงแม้ BYD จะออกแถลงการณ์ระบุว่า สาเหตุเกิดไฟไหม้เป็นเพราะน้ำหล่อเย็น แต่ผู้ใช้รถยนต์ไฟฟ้าก็หนาว ๆ ร้อน ๆ เพราะไม่รู้ต้นตอที่แน่ชัด
ขณะที่ในสหรัฐอเมริกา นักดับเพลิงต้องถูกเรียกมาถึงสองครั้งสองคราเพื่อดับไฟ Chevrolet Bolt ที่ลุกติดไฟถึงสองรอบ และการควบคุมเพลิงต้องใช้เวลานานถึง 4 ชั่วโมง
General Motors ถึงกับต้องออกหนังสือขอความร่วมมือลูกค้าเจ้าของ Chevrolet Bolt ให้จอดรถยนต์ของตนเองห่างจากรถคันอืน 50 ฟุตเพื่อป้องกันความเสี่ยงไฟไหม้และลุกลาม พร้อมกับเรียกคืนรถยนต์ไฟฟ้ารุ่นดังกล่าวกลับมาแก้ไขข้อบกพร่องในแบตเตอรี่
ก๊าซที่เป็นอันตรายเมื่อไฟไหม้แบตเตอรี่
เมื่อแบตเตอรี่เกิดไฟไหม้ สิ่งที่ตามมาคือก๊าซอันตรายที่นักวิจัยระบุว่ามีสารพิษมากกว่า 100 ประเภท อาทิ ไฮโดรเจนฟลูออไรด์ สารพิษรุนแรงที่สามารถสร้างความเสียหายต่อปอดและกระจกตาอย่างทันทีและถาวร นอกจากนี้ ยังสามารถรบกวนกระบวนการเมแทบอลิซึมของแคลเซียม ทำให้หัวใจวายและเสียชีวิตได้
นั่นหมายความว่าเจ้าหน้าที่นักดับเพลิงจะต้องระมัดระวังมากขึ้น และสวมหน้ากากกันก๊าซอย่างแน่นหนาขณะเข้าดับไฟที่ลุกท่วมรถยนต์ไฟฟ้า
ไมเคิล คิม แอนเดอร์สัน ผู้อำนวยการสำนักงานป้องกันอัคคีภัยในกรุงโคเปนเฮเกนของประเทศเดนมาร์ก กล่าวว่า การดับไฟที่ลุกไหม้แบตเตอรี่นั้นเป็นเรื่องยาก และแม้จะดับลงได้ก็ยังลุกติดไฟได้อีกครั้งในอีกหลายชั่วโมงต่อมาหรือในอีกสัปดาห์ต่อมา
“เราไม่สามารถปิดถนนหลายชั่วโมงเพื่อดับไฟรถไฟฟ้าได้ ดังนั้นหากเราไม่สามารถดับไฟได้ เราก็ต้องเคลื่อนย้ายรถไปเลย นั่นคือสาเหตุที่เราพัฒนารถบรรทุกที่มีตู้คอนเทนเนอร์สำหรับเคลื่อนย้ายรถยนต์ไฟฟ้าที่เกิดอุบัติเหตุโดยเฉพาะ” แอนเดอร์สัน กล่าวเพิ่มเติม
ขณะเดียวกัน รถยนต์ไฟฟ้าที่เกิดอุบัติเหตุไม่สามารถจอดอยู่ในโรงจอดรอซ่อมเหมือนรถยนต์ทั่วไปได้เนื่องจากมีความเสี่ยงที่จะเกิดไฟไหม้
“ไฟที่ลุกไหม้แบตเตอรี่คือไฟที่เกิดจากสารเคมี เปลวเพลิงสามารถลามเข้าในห้องโดยสารได้อย่างรวดเร็ว” แอนเดอร์สัน กล่าว
ทั้งนี้ ผู้เขียนไม่ได้มีเป้าหมายเน้นย้ำถึงจุดบกพร่องของรถยนต์ไฟฟ้าและตระหนักดีว่าอุตสาหกรรมยานยนต์กำลังมุ่งสู่รถอีวีอย่างเต็มตัว อย่างไรก็ตาม ผู้บริโภคควรตระหนักถึงข้อมูลรอบด้านก่อนตัดสินใจซื้อรถยนต์พลังงานทางเลือก