• เครื่องยนต์ไฮบริดที่ไม่ได้เน้นเพิ่มพลัง
• เพิ่มความไหลลื่น ประหยัดและรักษ์โลก
• พร้อมประกาศราคาสิ้นเดือนนี้

2022 Suzuki Ertiga Hybrid (ซูซูกิ เออร์ทิก้า ไฮบริด) คือรถยนต์เอ็มพีวี 7 ที่นั่ง ที่มาพร้อมระบบขับเคลื่อนแบบไฮบริดครั้งแรกของประเทศไทย โดยมีการเปิดตัวไปแล้วก่อนหน้านี้ในประเทศอินโดนีเซีย โดยราคาจำหน่ายจะเปิดอย่างเป็นทางการในช่วงงานมหกรรมยานยนต์ปลายเดือนนี้

ความแปลกใหม่ก็คือการนำแบตเตอรี่และมอเตอร์ไฟฟ้ามาติดตั้งเพิ่มในส่วนของรถยนต์ ที่แม้ว่าสมรรถนะของรถยนต์โดยรวมจะไม่ได้เพิ่มขึ้นมา แต่ก็เน้นในเรื่องของการนำระบบไฟฟ้ามาช่วยส่งกำลัง ที่ทำให้การขับขี่ของรถนั้นไหลลื่น ประหยัดและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมมากขึ้น

ขณะเดียวกัน ก็มีการปรับเพิ่มในส่วนของรูปลักษณ์ภายนอก การออกแบบห้องโดยสารภายในที่เน้นความหรูหรา พรีเมียมมากขึ้น และการติดตั้งอุปกรณ์ช่วยเหลือในการขับขี่และการใช้รถใช้ถนนเพิ่มเติม ทำให้ภาพรวมของรถดูมีความคุ้มค่ามากขึ้นกว่าเดิม แต่จะดีมากพอที่จะทำให้น่าสนใจจริงหรือไม่

AutoFun มีคำตอบหลังจากลองขับสั้น ๆ 50 กิโลเมตรมาให้ชมกัน...

ระบบไฮบริดที่ไม่เน้นเพิ่มพลังให้กับตัวรถ

แม้จะเป็นรถยนต์ไฮบริดที่นำมอเตอร์ไฟฟ้าและแบตเตอรี่ลิเธียม-ไอออนมาติดตั้งเพิ่มไปในเครื่องยนต์เบนซิน 1.5 ลิตรตัวเก่า ซึ่งแม้จะเพิ่มระบบไฟฟ้าเข้าไป แต่รายละเอียดของกำลังของเครื่องยนต์นั้นกลับไม่ได้แตกต่าง โดยยังให้กำลังสูงสุดที่ 105 แรงม้า พร้อมแรงบิดสูงสุดที่ 138 นิวตันเมตรเท่าเดิม ทำให้มีคำถามว่า แล้วเจ้าระบบไฮบริดที่ติดตั้งเข้าไปนั้น จะช่วยเหลืออะไรด้านการขับขี่ได้บ้างกันแน่

อ่านเพิ่มเติม: ชมระบบ Smart Hybrid เตรียมใช้ใน 2023 Suzuki Ertiga

สิ่งที่ได้มาคือความไหลลื่น ประหยัดและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม

ทีมงานของซูซูกิอธิบายว่า แม้พละกำลังจะไม่เพิ่มขึ้น แต่ระบบไฟฟ้าที่ติดตั้งเพิ่มขึ้นมานี้ จะเข้ามาช่วยเหลือในเรื่องของการออกตัว โดยเฉพาะการที่รถยนต์ได้ติดตั้งระบบ Idling stop เพิ่มเข้ามา การออกตัวด้วยไฟฟ้าจะช่วยเพิ่มความสมูทในการขับขี่ ช่วยลดอัตราการสิ้นเปลืองน้ำมัน และยังช่วยเหลือในเรื่องของการปล่อยไอเสีย ที่จะดีขึ้นอย่างแน่นอน เมื่อเทียบกับการใช้งานเครื่องยนต์สันดาปภายในเพียงอย่างเดียว

อ่านเพิ่มเติม: 2023 Suzuki Ertiga เตรียมใส่ระบบไฮบริด เริ่มแล้วปีนี้ในอินโดนีเซีย

ลองขับดูแล้ว มีจังหวะที่มอเตอร์ทำงานต่อเนื่อง

หากใช้งานแบบปกติที่เน้นการขับขี่แบบความเร็วสูงหรือมีการคิกดาวน์อย่างต่อเนื่อง ระบบไฮบริดนั้นอาจจะไม่ได้เห็นผลอย่างชัดเจนนัก แต่หากเป็นการขับในเมืองที่มีรถติดหรือการเคลื่อนไหวที่ไม่ว่องไวมาก มอเตอร์และแบตเตอรี่จะทำหน้าที่ในการออกตัวรถอย่างต่อเนื่องกว่า ทำให้ได้การออกตัวที่ไหลลื่น ไม่กระชาก และเครื่องยนต์ทำงานน้อยลงกว่าเดิม

ข้อดีก็คือการได้ภาพรวมของระบบขับเคลื่อนและระบบส่งกำลังที่นุ่มนวลมากขึ้น ตัวเครื่องยนต์มีอาการกระชากน้อยลงในจังหวะต่าง ๆ ขณะที่ระบบตัดการทำงานของเครื่องยนต์อัตโนมัติ หากใช้งานจริงก็จะมีการตัดการทำงานของระบบปรับอากาศไปบ้าง ก็ต้องเลือกใช้ให้เหมาะสม

นอกจากนี้ ซูซูกิ เออร์ทิก้า ไฮบริด ยังได้รับการติดตั้งอุปกรณ์ช่วยเหลือด้านการขับขี่อย่างระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติมาให้เป็นที่เรียบร้อย ซึ่งทำให้ตัวรถสามารถใช้งานได้อย่างหลากหลายมากขึ้น แม้จะยังไม่ได้ปรับเพิ่มในเรื่องของอุปกรณ์ความปลอดภัยจากรุ่นก่อนหน้านี้แต่อย่างใด

ภายนอกเปลี่ยนมาใหม่ ดูพรีเมียมขึ้นชัดเจน

สิ่งที่เปลี่ยนไปที่ภายนอกของตัวรถที่เห็นได้อย่างชัดเจน ก็คือการเปลี่ยนมาใช้กระจังหน้าลายใหม่ ที่มีความมันวาวและรูปมุมแบบสามมิติที่ชัดเจนมากขึ้น ส่งผลให้ด้านหน้าของรถดูโดดเด่น ไฟหน้ามาพร้อมระบบตั้งเวลาปิดหลังล็อกหรือปลดล็อกที่เลือกได้ตั้งแต่ 10-25 วินาที กระจกมองข้างแบบพับปรับอัตโนมัติ ล้ออัลลอยลายใหม่ที่แตกต่างกันระหว่างรุ่น GL และ GX ขณะที่ด้านท้าย ย้ายแถบโครเมียมสีเงินไปไว้ด้านบนโลโก้และพาดตามแนวกว้างของรถ พร้อมติดตั้งโลโก้ Hybrid ที่มุมขวาล่าง

ภายในใส่อุปกรณ์เพิ่ม เติมบรรยากาศหรูหรา

แม้ภายในห้องโดยสารจะยังคงใช้เบาะผ้าที่ไม่รับน้ำหนักตัวของผู้โดยสารเท่าไรเหมือนเดิม แต่ที่้เพิ่มมาก็คือการเลือกใช้สีเบาะแบบทูโทนแบบใหม่ที่ดูเนี๊ยบขึ้น หน้าจอเปลี่ยนมาใช้สีโทนฟ้าเพื่อแสดงว่าเป็นไฮบริด และหน้าจอดิจิตอล 4.2 นิ้ว มีการแสดงผลการใช้พลังงานแสดงอย่างชัดเจน รถรุ่นใหม่นี้ได้รับการติดตั้งระบบไวร์เลส ชาร์จเจอร์มาให้ พร้อมได้ทำการเปลี่ยนแผงตกแต่งด้านหน้าคอนโซลเป็นสีลายไม้สีเทาเข้ม ทำให้ภาพรวมของห้องโดยสารนั้นดูหรูหรามากขึ้นอยู่เอาเรื่อง

อ่านเพิ่มเติม: 2022 Suzuki Ertiga จ่อปรับใหม่ทันสมัยยิ่งขึ้น ขุมพลังไฮบริด

ราคาจะบอกว่าลูกค้าจะสนใจหรือไม่

Suzuki (ซูซูกิ) เตรียมประกาศราคาจำหน่ายของเออร์ทิก้า ไฮบริดอย่างเป็นทางการในงานมหกรรมยานยนต์ที่จะเริ่มขึ้นในช่วงปลายเดือนนี้ โดยมีการคาดการณ์ว่า อาจจะเห็นการตั้งราคาที่ไม่แตกต่างจาก Suzuki XL7 (ซูซูกิ เอ็กซ์แอล7) มากนัก ซึ่งทั้งหมดต้องรอการประกาศอย่างเป็นทางการของซูซูกิอีกครั้ง

แม้จะเป็นรถยนต์เอ็มพีวีที่มาพร้อมระบบไฮบริดคันแรกของประเทศไทย แต่การที่ระบบไฮบริดไม่ได้ให้พละกำลังที่เพิ่มขึ้น แต่ไปเน้นคุณประโยชน์ด้านอื่น ๆ ที่ยากแก่การอธิบายมากกว่าเรื่องของพละกำลัง แน่นอนว่าเป็นงานหนักที่ทางค่ายจะต้องหาแนวทางในการตอบลูกค้าให้ได้ว่าสิ่งที่ได้มานั้นจะมีประโยชน์ต่อพวกเขาอย่างไร

โดยเฉพาะในสถานการณ์ที่ตลาดเอ็มพีวีเล็กในประเทศไทยมีคู่แข่งมากหน้าหลายตา ที่ต่างก็มาพร้อมของเล่นและระบบต่าง ๆ กันอย่างเต็มที่ ซูซูกิ เออร์ทิก้า ไฮบริด ที่มาพร้อมเครื่องยนต์ลูกผสมครั้งแรกของประเทศไทย จะโดนใจผู้บริโภคชาวไทยมากน้อยเพียงใด และจะช่วยปลุกยอดจำหน่ายกลับมาได้หรือไม่

รอดูราคาแล้วมาประเมินสถานการณ์กันอีกทีละกัน...