Land Rover Defender (แลนด์ โรเวอร์ ดีเฟนเดอร์) เจเนอเรชั่นปัจจุบันที่เปิดตัวก่อนหน้านี้เปิดตัวเรียบร้อยแล้วในรหัส 90 และ 110 แต่ยังเหลือตัวถังที่ยาวที่สุดอย่าง Defender 130 ซึ่งคราวนี้ได้เปิดตัวเป็นที่เรียบร้อยแล้วในตลาดโลกเมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา

• ยาวขึ้น นั่งได้เยอะขึ้น เก็บของได้เพิ่มขึ้น
• อุปกรณ์มาตรฐานครบครัน พร้อมสีพิเศษเฉพาะรุ่น
• เริ่มต้นด้วยขุมพลังไฮบริด
• ความสามารถทั้งในและนอกถนน

ในระยะแรก Defender 130 จะมีจำหน่ายในอเมริกาเท่านั้น และมีในรุ่นย่อย ตั้งแต่ S, SE, X-Dynamic SE, และ X รวมถึงรุ่นพิเศษ First Edition อีกด้วย Defender 130 กลายเป็นดีเฟนเดอร์รุ่นที่มีความยาวมากที่สุดในประวัติศาสตร์ ด้วยความยาวที่ออกมาจากด้านท้าย 34 เซนติเมตร สังเกตได้ง่าย ๆ ว่าเหมือนด้านท้ายจะยื่นออกมาจากเดิมเล็กน้อย

รถยาวขึ้น นั่งได้เยอะขึ้น เก็บของได้เพิ่มขึ้น

ด้วยความยาวที่เพิ่มขึ้นนั้นเอง ทำให้ Defender 130 สามารถรองรับผู้โดยสารได้ถึง 8 คน โดยมีการจัดเรียงเบาะ 3 แถว เป็น 2+3+3 และด้วยความยาวอีกเช่นกันที่ทำให้มีพื้นที่เก็บสัมภาระเพิ่มขึ้นถึง 2,291 ลิตรหากพับเบาะทั้งแถว 2 และ 3 ลง และหากพับเพียงเบาะแถวที่ 3 (เหลือ 5 ที่นั่ง) ก็ยังทำให้พื้นที่เก็บสัมภาระอยู่ที่ 1,232 ลิตร

Land Rover กล่าวว่าเบาะทั้งสามแถวสามารถรองรับผู้ใหญ่ทั้ง 8 คนได้สบาย ๆ และมีพื้นที่เหนือศีรษะเพียงพอแก่ผู้ใหญ่บนที่นั่งทั้งสามแถว โดยแต่ละแถวจะมีช่องแอร์เป็นของตัวเอง รวมถึงมีออพชั่นที่สามารถควบคุมระบบปรับอากาศแยกอิสระ 4 โซนได้เลย เฉพาะในรุ่น 130 เท่านั้น

ผู้ผลิตยังให้สัญญาว่า การเข้าถึงเบาะแถวที่ 3 นั้นจะทำได้อย่างง่ายดาย เนื่องจากเบาะแถวที่ 2 สามารถพับและเลื่อนได้ และการบรรทุกสัมภาระด้านท้ายรถก็ทำได้ง่ายเช่นกัน จากการปรับระดับความสูงท้ายรถด้วยช่วงล่างแบบถุงลมของรถนั่นเอง

อุปกรณ์มาตรฐานครบครัน พร้อมสีพิเศษเฉพาะรุ่น

อุปกรณ์มาตรฐานของ Defender 130 ได้แก่ หน้าจอกลาง infotainment ขนาด 10.25 นิ้ว และมีมาตรวัดดิจิตอลขนาด 11.4 นิ้ว (มาตรฐานในรุ่น X) และเปิดตัวระบบ Cabin Air Purification Plus ซึ่งเปิดตัวใน Defender รุ่นนี้เป็นที่แรก

โดยระบบ Cabin Air Purification Plus เป็นเทคโนโลยีที่จดสิทธิบัตรสำหรับการลดและกำจัดเชื้อโรคในอนุภาคนาโนเพื่อขจัดกลิ่นและไวรัส นอกจากนี้ยังมีสีภายนอกและการตกแต่งภายในที่มีเฉพาะ Defender 130 เท่านั้นอีกด้วย

อ่านเพิ่มเติม : เหตุใด Jaguar Land Rover จึงต้องใช้ Blockchain ติดตามการผลิตวัสดุ?

เริ่มต้นด้วยขุมพลังไฮบริด

ขุมพลังของ Defender 130 ที่เปิดตัวในสหรัฐฯ มาพร้อมเครื่องยนต์ไฮบริด 2 บล็อค แต่ยังไม่มีเครื่อง V8 ในขณะนี้ เครื่องยนต์แรกเป็นเครื่องยนต์ในรหัส P300 ในรุ่นเริ่มต้น ขนาด 3.0 ลิตรเทอร์โบ พร้อมด้วยระบบไมลด์ไฮบริด ซึ่งให้กำลังสูงสุด 296 แรงม้า แรงบิด 470 นิวตันเมตร ที่ 1,500 - 4,250 รอบ/นาที

เครื่องยนต์ไฮบริดอีกบล็อคในรหัส P400 มาพร้อมพละกำลังที่มากกว่า ด้วยเครื่องยนต์ 6 สูบ ที่ให้กำลังสูงสุด 395 แรงม้า แรงบิดที่ 550 นิวตันเมตร ที่ 2,000 - 5,000 รอบ/นาที 

ความสามารถทั้งในและนอกถนน

Defender 130 มาพร้อมระบบขับเคลื่อน 4 ล้อจากแลนด์โรเวอร์ จับคู่กับเกียรือัตโนมัติ 8 สปีดโดย ZF และยังให้ช่วงล่างแบบถุงลมและระบบลุย Terrain Response system เป็นอุปกรณ์มาตรฐานอีกด้วย

นอกจากนี้ เป็นปกติที่รถค่ายนี้อย่าง Defender 130 จะมีความสามารถทั้งบนถนนและนอกถนน และยังมีความสามารถในการลากจูงถึง 3,720 กิโลกรัม และมีน้ำหนักบรรทุกสูงสุด 798 กิโลกรัม หลังคารถยังสามารถรับน้ำหนักบรรทุกสูงสุดได้ถึง 300 กิโลกรัมเวลาที่รถหยุดนิ่ง และที่ 163 กิโลกรัมตอนรถเคลื่อนที่

เปิดขายแล้วในสหรัฐฯ

ในตอนนี้ Land Rover Defender 130 เปิดให้สั่งจองกันแล้วในสหรัฐอเมริกาเป็นที่แรก ในราคาเริ่มต้นที่ 68,000 ดอลล่าร์สหรัฐฯ หรือประมาณ 2.3 ล้านบาทโดยยังไม่รวมค่าขนส่ง

อ่านเพิ่มเติม : ทำไมโฆษณาชิ้นนี้ของ Land Rover Defender ถึงถูกแบนในประเทศบ้านเกิดอย่างอังกฤษ?