วิจัยเผย การใช้หน้าจออินโฟเทนเมนท์อาจทำให้รบกวนการขับขี่ มากกว่าช่วยให้สบายเสียอีก

เทคโนโลยีที่มีมากขึ้นทุกวัน ๆ ในรถยนต์ ทางค่ายผู้ผลิตก็มักจะอ้างว่าทำออกมาเพื่อช่วยผู้ขับขี่ทั้งแบบ Passie และ Active 

แต่จากการวิจัยล่าสุด เทคโนโลยีในรถยนต์นั้นเริ่มมีการทำให้คนขับเสียสมาธิมากขึ้น ด้วยเหตุผลง่าย ๆ เพียงแค่การมอง GPS บนจอก็อาจทำให้เกิดอุบัติเหตุได้แล้ว

หน้าจอใหญ่ขึ้น  

สิ่งที่น่าพูดถึงคือ หน้าจออินโฟเทนเมนท์ในรถยนต์เริ่มมีขนาดที่ใหญ่ขึ้นเป็นส่วนหนึ่งของการแข่งขัน นั่นทำให้ฟังก์ชั่นของรถยนต์ส่วนใหญ่จะไปซ่อนตัวอยู่ในจอเหล่านี้

เช่นระบบอุณหภูมิในรถยนต์ อาจต้องใช้การกดเพิ่มอีกหลายครั้งเพื่อเปลี่ยนความแรงพัดลม และต้องมองอีกครั้งเพื่อคอนเฟิร์มว่านั่นคือความแรงที่ต้องการ ทำให้คนขับอาจต้องใช้เวลาละสายตาจากถนนมากขึ้น 

แม้ว่าในปัจจุบันจะเริ่มมีการใส่ระบบช่วยเหลือผู้ขับขี่ ADAS ที่ใช้เรดาร์และกล้องเพื่อมาแทนที่ความไม่จดจ่อบนถนน ซึ่งในบางกรณีก็มีแค่การเตือนเท่านั้น ไม่ได้ช่วยหยุดจนนิ่ง

มีหลักฐานจากการวิจัยออกมาว่า ในรถยนต์รุ่นใหม่ ๆ มีแนวโน้มที่จะมีส่วนร่วมในอุบัติเหตุบนท้องถนนมากขึ้นโดยเฉพาะที่ทางแยก เนื่องจากจะเป็นช่วงเวลาที่คนขับไม่ได้มองถนน หรืออาจถูกรบกวนจากการแจ้งเตือนต่าง ๆ บนหน้าจอ

สำนักงาน Euro NCAP กำลังเริ่มทำการบังคับว่าตั้งแต่ปี 2023 เป็นต้นไป รถยนต์ทุกคันจะต้องมีระบบตรวจสอบผู้ขับขี่โดยตรง

ถ้าหากคนขับไม่ได้มีการมองถนนภายในเวลาทีกำหนดระบบก็จะส่งเสียงเตือน อาจเป็นการช่วยลดเวลาที่เราจะไปกดหน้าจอเพื่อหาฟังก์ชั่นที่ซ่อนอยู่ได้

จริงอยู่ที่ระบบ ADAS นั้นสามารถคำนวนความเป็นไปได้ในการเกิดอุบัติเหตุก่อนที่ตาเราจะสามารถทำได้ แต่ก็ยังมีหลากหลายปัจจัยทีอาจทำให้ระบบทำงานได้ไม่เต็มที่ 

หรือหากพูดถึงระบบสั่งการด้วยเสียง ในแนวความคิดก็ถือว่ามีประโยชน์ แต่ในความเป็นจริงเราจะใช้กันสักกี่ครั้ง รวมถึงหากพูดไม่ถูกสำเนียงหรือไม่ชัดเจน ระบบก็จะไม่สามารถทำงานได้เช่นกัน

อย่างไรก็ตาม หากเราขับรถก็ควรให้ความสนใจกับถนน หากต้องการปรับเปลี่ยนหรือตั้งค่าต่าง ๆ ที่ต้องทำบนหน้าจอก็ควรทำการจอดให้ดีก่อน