รถยนต์ไร้คนขับ อาจทำหน้าที่เป็น “พลเมืองดี” ให้ตำรวจได้ ช่วยแก้ปัญหาอาชญากรรม

รัฐบาลสหรัฐฯ ต้องการให้บริษัทรถยนต์ไร้คนขับให้ความร่วมมือสำหรับฟุตเทจที่ตัวรถสามารถเก็บได้บนท้องถนน เพื่อสนับสนุนในการแก้ไขปัญหาอาชญากรรม 

ดูเหมือนว่าตำรวจสหรัฐฯ กำลังจะมีผู้ที่จะช่วยสอดส่องผู้คนบนถนนอีกแรงหนึ่ง นั่นคือ รถยนต์ไร้คนขับที่ดำเนินการโดย Waymo และ Cruise ซึ่งถือว่าเหมือนเป็นกล้องวงจรปิดติดล้อเลยทีเดียว 

รถไร้คนขับเหล่านี้ได้บันทึกวิดีโอเหตุการณ์ต่าง ๆ ขณะที่ขับไปบนถนน ซึ่งวิดีโอเหล่านี้กำลังเป็นที่ถกเถียงกันว่าเจ้าหน้าที่จะสามารถเข้าถึงเพื่อจุดประสงค์ดังกล่าวได้หรือไม่

กล้องจากรถไร้คนขับอาจมีประโยชน์ต่อดีอาชญากรรม

เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา คณะลูกขุนเมืองซานฟรานซิสโกตัดสินความผิดแก่ Clifford Stokes ในคดีฆาตกรรม ก่อนที่พวกเขาจะสามารถเอาผิด Stokes ได้นั้น ตำรวจจะต้องใช้หลักฐานเพิ่มเติมและพวกเขาต้องการให้ Waymo ให้ความร่วมมือในครั้งนี้ 

เนื่องจากระหว่างการสืบสวนครั้งนี้ เจ้าหน้าที่ตำรวจสังเกตเห็นว่าขณะที่เกิดเหตุนั้นมีรถไร้คนขับจาก Waymo กำลังขับขี่อยู่ในพื้นที่

ด้วยเหตุนี้ พวกเขาจึงมีหมายศาลไปยัง Waymo เพื่อขอฟุตเทจที่ตัวรถบันทึกในช่วงเวลาที่มีการเกิดเหตุฆาตกรรม Ahmed Yusufi ขึ้น ซึ่งเป็นคนขับ Uber ที่ถูกฆาตกรรมระหว่างกะการขับขี่ของเขา

คำถามของจริยธรรม

การเคลื่อนไหวนี้ของตำรวจทำให้เกิดคำถามว่าตำรวจสามารถเข้าถึงฟุตเทจวิดีโอเหล่านี้ได้อย่างมีจริยธรรมเพียงใด

“เราตรวจสอบคำขอแต่ละรายการอย่างรอบคอบเพื่อให้แน่ใจว่ามันเป็นไปตามการบังคับใช้กฎหมายและถูกต้องตามกระบวนการของกฎหมาย” Waymo กล่าว 

“การคำขอนั้นกว้างเกินไป (ขอข้อมูลกว้างเกินไป) เราจะพยายามที่จะทำให้แคบลง และในบางกรณีเราก็ปฏิเสธที่จะให้ข้อมูลใด ๆ เลย”

บริษัทรถไร้คนขับให้ความสำคัญกับความเป็นส่วนตัว

นอกจากนี้ ยังกล่าวว่า บ่อยครั้งที่ระบบที่บันทึกจะเบลอป้ายทะเบียนและหน้าของผู้คน “เพื่อปกป้องความเป็นส่วนตัวของผู้พบเห็นซึ่งอาจปรากฏในภาพที่ขอหมายค้น”

อย่างไรก็ตาม Bloomberg ตั้งข้อสังเกตว่ามีหมายค้นตำรวจอย่างน้อย 2 ครั้งที่มีการกล่าวถึงการทำเช่นนั้นก่อนการร้องขอ “การแสดงภาพบันทึกของยานพาหนะที่ถูกต้องและแม่นยำ” โดยสำหรับส่วนของ Cruise นั้นก็เห็นไปในทางเดียวกันเกี่ยวกับการปกป้องความเป็นส่วนตัว

“ความเป็นส่วนตัวคือสิ่งสำคัญสำหรับเรา ซึ่งเป็นเหตุผลที่ว่าทำไมเราจะเปิดเผยข้อมูลที่เกี่ยวข้องเฉพาะเวลาที่ตอบสนองต่อกระบวนการทางกฎหมายหรือสถานการณ์ฉุกเฉินเท่านั้น ซึ่งเราสามารถช่วยเหลือบุคคลที่ตกอยู่ในอันตรายได้” แถลงการณ์ระบุ

Matthew Guariglia นักวิเคราะห์นโยบายของ Electronic Frontier Foundation กล่าวถึงประเด็นใหญ่ที่เกิดขึ้นว่า 

“เนื่องจากการขาดการคุ้มครองความเป็นส่วนตัวของผู้บริโภคในสหรัฐอเมริกาที่เรามีในขณะนี้ บริษัทต่าง ๆ จึงยังสามารถเก็บข้อมูลได้มากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้” ในขณะนี้ ทางการยังคงใช้ประโยชน์จากการเข้าถึงชีวิตส่วนตัวของหลาย ๆ คนได้อย่างถูกกฎหมายต่อไป

อ่านเพิ่มเติม: รถไฟฟ้าไร้คนขับเป็นงง เจอหมอกลงหนักจนขับต่อไปไม่ได้ถึง 5 คันรวด