แม้ภาพรวมของอุตสาหกรรมยานยนต์ไทยในปี 2563 ที่ผ่านมา จะดูดีขึ้นกว่าที่คาดการณ์อย่างมาก โดยเฉพาะการเติบโตของยอดจำหน่ายในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปี ที่ทำให้มีการประเมินว่าอุตสาหกรรมยานยนต์ไทยในภาพรวมอาจจะกลับมาฟื้นตัวได้เร็วกว่าที่คาด อีกทั้งยอดการประเมินตัวเลขการจำหน่ายของค่ายรถแต่ละรายก็ปรับตัวสูงขึ้นเรื่อย ๆ
ไหนจะยอดจองรถยนต์ในงานมหกรรมยานยนต์ก็สูงลิบลิ่ว เรียกเอาผู้ประกอบการทุกรายต่างก็ออกอาการฝันหวานถึงการฟื้นตัวกันยกใหญ่ เรียกว่าหากไปถามผู้ประกอบการกันในช่วง 2 สัปดาห์แรกของเดือนสุดท้ายของปีที่ผ่านมา ไม่มีใครมองว่าอุตสาหกรรมยานยนต์จะเกิดอาการสะดุดได้อีกแล้ว หลังจากการพลิกฟื้นตัวกลับมาในช่วงก่อนหน้านี้
แต่เมื่อเกิดการแพร่ระบาดระลอกใหม่ของเชื้อโคโรน่าไวรัส ที่ส่งผลให้เกิดการล็อกดาวน์ในหลายพื้นที่ และคำสั่งจากภาครัฐที่แน่นอนว่าจะส่งผลกระทบต่อการดำเนินชีวิตของผู้คนมากมายในประเทศไทย ก็ทำให้อุตสาหกรรมยานยนต์นั้นกลับมาสู่ภาวะของความท้าทายอย่างใหญ่หลวงอีกครั้ง ในปี 2564 ที่กำลังจะมาถึงนี้ ด้วยปัจจัยหลายอย่างที่เกิดขึ้น
คำถามก็คือแล้วอุตสาหกรรมยานยนต์ไทยจะเป็นอย่างไรกันล่ะ ในปีนี้...
ล็อกดาวน์กระทบภาพรวมเศรษฐกิจไทย
แม้จะไม่ได้ประกาศล็อกดาวน์ทั้งประเทศ และยังไม่มีการประกาศเคอร์ฟิวส์ ณ วันที่เขียนบทความนี้ แต่ต้องยอมรับว่าการแพร่ระบาดระลอกใหม่ที่เกิดขึ้นนั้น ส่งผลกระทบด้านความรู้สึกและอารมณ์ของผู้บริโภคอย่างรุนแรง ด้วยความรวดเร็วของการแพร่ระบาดและการรับมือของหน่วยงานภาครัฐที่เรียกว่าปุปปับกันจนยากที่จะปรับตัวกันได้
ผู้ประกอบการหลายรายเริ่มออกมาโวยวายกันมากขึ้น ว่าการที่ประกาศล็อกดาวน์กันแบบกระทันหันจะส่งผลกระทบต่อด้านการจัดหารายได้และภาวะความคล่องตัวทางเศรษฐกิจ ที่เพิ่งฟื้นตัวมาได้ไม่นานจากการแพร่ระบาดระลอกแรก เรียกว่ายาแรงที่ภาครัฐเตรียมอัดเพื่อแก้ปัญหา กำลังจะก่อปัญหาที่ใหญ่กว่าในเชิงเศรษฐกิจระดับประเทศเสียก่อน
และเมื่อดูจากตัวเลขผู้ติดเชื้อที่เพิ่มขึ้นทำนิวไฮย่างต่อเนื่อง ไม่ต้องคิดก็พอจะบอกได้ว่าประเทศไทยก็กำลังเดินหน้าไปสู่ภาวะของการล็อกดาวน์แบบเต็มรูปแบบแน่ ๆ ในอนาคต เพียงแต่จะเกิดขึ้นเมื่อใดก็เท่านั้น และสิ่งที่ต้องเกิดอย่างไม่อาจจะหลีกเลี่ยงได้ก็คือภาพรวมของความคล่องตัวและการจับจ่ายใช้สอยในประเทศนั้นจะลดลงอย่างแน่นอน
ตลาดรถยนต์ที่คาดการณ์ได้ยากกว่าเดิม
ตัวเลขยอดจำหน่ายรถยนต์ในปี 2563 นั้น หากไม่มีอะไรผิดพลาดตลาดน่าจะปิดกันไปที่ระดับแถว ๆ 7 แสนคันบวกลบ ซึ่งเป็นตัวเลขที่ปรับขึ้นมาอย่างต่อเนื่องในช่วงครึ่งหลังของปี จากที่มีการปรับลดลงไปในช่วงไตรมาส 2 ของปีที่ผ่านมา ซึ่งเป็นช่วงที่โควิด-19 เริ่มแพร่ระบาดกันอย่างรุนแรง ซึ่งในตอนนั้นทุกค่ายต่างก็ประเมินสถานการณ์เป็นลบสูงสุด
การกลับมาอย่างรวดเร็วของอุตสาหกรรมยานยนต์ที่เหนือความคาดหมายนั้น ถูกมองออกเป็น 2 ประเด็นหลัก ๆ คือการซื้อรถเชิงพาณิชย์ เพื่อเริ่มต้นประกอบอาชีพใหม่ และการซื้อรถยนต์นั่งขนาดเล็ก เพื่อให้สอดคล้องกับมาตรการเว้นระยะห่างทางสังคม ซึ่งทำให้ผู้ที่พอมีกำลังซื้อบางส่วนตัดสินใจได้ง่าย และทำให้ตลาดนั้นไม่เลวร้ายอย่างที่คาดการณ์
คำถามก็คือในปี 2564 ที่มีการประกาศล็อกดาวน์กันตั้งแต่ต้นปี ผู้ประกอบการนั้นจะประเมินภาพรวมของอุตสาหกรรมยานยนต์ว่าจะหดตัวมากน้อยเพียงใด ประกอบกับการที่ค่อนข้างชัดเจนแล้วว่าโควิด-19 จะอยู่กับพวกเราไปอีกนานและจะส่งผลกระทบตามมามากมายทั้งทางสังคมและเศรษฐกิจ จึงเป็นการประเมินตัวเลขที่ยากลำบากมากขึ้นในปีนี้
จะมีอะไรใหม่ ๆ เกิดขึ้นอีกไหมในปีนี้
การแพร่ระบาดของโคโรน่าไวรัสได้ก่อให้เกิดนวัตกรรมใหม่ ๆ ขึ้นมากมายในอุตสาหกรรมยานยนต์ไทย ไม่ว่าจะเป็นการเปิดตัวรถยนต์แบบออนไลน์ การให้บริการดูแลแบบไร้การสัมผัส หรือแม้แต่การผลักดันให้การใช้จ่ายเงินแบบออนไลน์รูปแบบต่าง ๆ เติบโตขึ้นมาอย่างมาก เรียกว่าเป็นปีแห่งนวัตกรรมใหม่ ๆ ที่เกี่ยวข้องกับอุตสาหกรรมยานยนต์ก็ไม่ผิด
ปีนี้นั้น แม้จะมีเรื่องราวมากมายเกิดขึ้นในช่วงต้นปี แต่ทุกอย่างก็คงต้องเดินหน้าต่อไป ไม่ว่าจะเป็นบรรดารถใหม่ที่จะต้องเข้ามาเปิดตัวในประเทศไทย หรือการบุกตลาดของค่ายรถแบรนด์ใหม่ ๆ ที่แน่นอนว่าผู้ประกอบการรายเดิมก็ต้องตั้งรับกันอย่างรัดกุม เพื่อรักษาฐานลูกค้าเดิมของตัวเองเอาไว้ให้ได้อย่างต่อเนื่อง ทุกอย่างล้วนแล้วแต่น่าสนใจเป็นอย่างยิ่ง
ก็ต้องเป็นกำลังใจให้ผู้ประกอบการทุกราย รวมถึงกระตุ้นให้คนที่ยังพอมีกำลังซื้อเดินหน้าซื้อรถกันต่อไป เพื่อเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจ แต่อย่าทำอะไรเกินตัวกันไป ไม่ใช่เห็นแก่บรรดาโปรโมชั่นที่ค่ายรถต้องอัดกันอย่างรุนแรง แล้วจะซื้อกันอย่างคึกคัก ไม่อยากเห็นตัวเลขหนี้เสียหรือรถยึดเพิ่มขึ้น เพราะเป็นปัญหาระยะยาวในอนาคตของอุตสาหกรรมแน่นอน
ใช้ชีวิตแบบมีสติกันโดยถ้วนหน้า ผ่านปีวัวกันอย่างสดใสนะครับ...