ยอดขายปิกอัพ Isuzu D-Max อีซูซุ ดีแมคซ์

• ตลาดปิกอัพสัดส่วนลดลงสุดรอบหลายปี
• รถกระบะไฟฟ้าจะเริ่มต้นที่ยุโรปก่อน
• ไทยมีเรื่องที่ต้องขบคิดหลายประการ

อีซูซุ (Isuzu) ผู้นำตลาดรถปิกอัพในประเทศไทยชี้เศรษฐกิจซบเซากระทบรถยนต์เชิงพาณิชย์หนัก สัดส่วนรถปิกอัพ 8 เดือนแรกหดตัวเหลือ 36% น้อยที่สุดในรอบหลายปี หลังตลาดหดตัวไปกว่า 26.8% เร่งเปิดตัวสินค้าใหม่หวังรักษาผู้นำตลาดในปีนี้ ส่วนรถไฟฟ้านั้นรอดูความต้องการของตลาด ชี้รัฐบาลต้องรักษาซัพพลายเชนในไทย แม้อนาคตจะเปลี่ยนไปเป็นตลาดรถอีวีก็ตาม

ทาคาชิ ฮาตะ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ตรีเพชรอุซูซุเซลส์ จำกัด เปิดเผยหลังการเปิดตัว Isuzu D-Max 2024 (อีซูซุ ดีแมคซ์) ว่าการเปิดตัวรถกระบะรุ่นใหม่จะช่วยกระตุ้นยอดจำหน่ายของตลาดรถปิกอัพในภาพรวม และทำให้อีซูซุมั่นใจว่าจะรักษาการเป็นผู้นำในปีนี้เอาไว้ได้ โดยที่ผ่านมา บริษัทมีส่วนแบ่งตลาดปิกอัพที่ 44% และเชื่อว่ารถปิกอัพใหม่จะช่วยรักษาสัดส่วนนี้ได้ทั้งปี

"เรายังเชื่อว่าตลาดรถยนต์นั่งในปีนี้น่าจะทำได้ 8.2 แสนคัน อย่างไรก็ตาม สัดส่วนของปิกอัพน่าจะอยู่ที่ 36-40% หรือมียอดขายไม่เกิน 3 แสนคันในปีนี้ ซึ่งสิ่งที่น่าเป็นห่วงมากกว่าก็คือภาพรวมของเศรษฐกิจที่หดตัวลงอย่างมาก เป็นปัจจัยที่ส่งผลกระทบต่อการตัดสินใจของไฟแนนซ์และยอดจำหน่ายรถเชิงพาณิชย์ ซึ่งหากสามารถผลักดันเศรษฐกิจให้ขยายตัวได้ก็จะส่งผลดีต่อตลาดรถยนต์"

และมุมมองต่อรถกระบะไฟฟ้าของอีซูซุนั้นถือว่าน่าสนใจ...

ตลาดจะเกิดจากความต้องการของลูกค้าเป็นหลัก

แม้ตลาดรถยนต์ไฟฟ้าในประเทศไทยจะขยายตัวอย่างมาก แต่ฮาตะเชื่อว่าเป็นการขยายตัวในกลุ่มรถยนต์นั่งเป็นหลัก ไม่ได้ส่งผลกระทบต่อรถปิกอัพแต่อย่างใด สำหรับจ่าวที่ว่าอีซูซุเตรียมจะพัฒนารถปิกอัพไฟฟ้าเพื่อทำตลาดในอีก 2 ปีข้างหน้านั้น เป็นเรื่องจริง แต่จะทำตลาดในยุโรปก่อน ซึ่งเป็นผลมาจากความเข้มงวดในกฎเกณฑ์และระเบียบต่าง ๆ จากนั้นจึงจะเป็นการเปิดตัวในประเทศอื่น ๆ ตามมา ในส่วนของประเทศไทย จะต้องพิจารณาหลายองค์ประกอบ ไม่ว่าจะเป็นความต้องการของลูกค้าหรือระบบสาธารณูปโภค ซึ่งหากทุกอย่างสมบูรณ์ แน่นอนว่าอีซูซุก็พร้อมจะเดินหน้าทำตลาดในเวลาที่เหมาะสม

อ่านเพิ่มเติม: 2023 New Isuzu D-max Minorchange เปิดตัวครั้งแรกของโลก

สำคัญกว่าคือการรักษาการเป็นฐานการผลิตรถยนต์

"รถปิกอัพไฟฟ้าของอีซูซุจะมีฐานการผลิตอยู่ในประเทศไทยอย่างแน่นอน" ขณะที่เครื่องยนต์ไฮบริดนั้นก็มีการศึกษาแต่ยังไม่ได้ข้อสรุปในขณะนี้ ซึ่งสิ่งที่สำคัญกว่าก็คือการรักษาการเป็นฐานการผลิตรถยนต์ของประเทศไทยเอาไว้ รวมไปถึงการรักษาเครือข่ายซัพพลายเชนให้อยู่ในประเทศไทยให้ได้อย่างต่อเนื่อง เพราะนี่คือสิ่งที่มีบทบาทสำคัญในการจ้างงานในประเทศไทย การส่งออกและการเติบโตของเศรษฐกิจไทยอย่างยั่งยืน ซึ่งนอกจากนี้ อีซูซุก็ยังต้องศึกษาในเรื่องของการกำจัดแบตเตอรี่ไฟฟ้าสำหรับรถยนต์อีกด้วย ซึ่งมันจะส่งผลต่อมาตรการเรื่องของการเป็นกลางทางคาร์บอนเช่นกันในอนาคต

อ่านเพิ่มเติม: มาเร็วกว่าที่คิด Isuzu ซุ่มพัฒนา D-Max พลังไฟฟ้าอาจเปิดตัวในอีก 2 ปี

มั่นใจนโยบายภาครัฐหนุนเศรษฐกิจ-ยานยนต์โต

แม้ว่าตลาดรถยนต์ในปัจจุบันจะได้รับผลกระทบจากทั้งเรื่องอัตราเงินเฟ้อ ความเข้มงวดจากไฟแนนซ์ รวมถึงภาวะเศรษฐกิจโลก แต่มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจที่รัฐบาลใช้อยู่ ไม่ว่าจะเป็นมาตรการรรักษาราคาน้ำมันดีเซล หรือการลดค่าไฟให้กับประชาชน ซึ่งจะส่งผลต่อต้นทุนในการดำเนินธุรกิจที่ลดลง ก็น่าจะทำให้ตลาดปรับตัวดีขึ้นได้ในอนาคต ซึ่งอีซูซุเองมีการลงทุนในประเทศไทยมายาวนานกว่า 60 ปี และมีพนักงานในเครือมากกว่า 2 หมื่นคน ก็เชื่อมั่นว่าจะมียอดจำหน่ายที่เพิ่มขึ้น พร้อมทั้่งสามารถรักษาส่วนแบ่งตลาดที่ทำเอาไว้ได้อย่างต่อเนื่องแน่นอน

ปีก่อนขายไป 175,425 คัน ส่วนแบ่งตลาด 45.2% ก็ต้องเร่งเครื่องช่วงปลายปีอีกนิด...