Renault Zoe E-Tech เป็นรถยนต์ไฟฟ้าล้วนที่เปิดตัวตั้งแต่ปี 2012 ผู้บุกเบิกวงการยานยนต์ไฟฟ้ายุคใหม่ แต่ในขณะที่รถไฟฟ้าจีนรุ่นใหม่มาแรงอย่าง Ora Good Cat มันยังมีดีเหลืออยู่หรือไม่
Renault Zoe E-Tech เป็นรถยนต์ไฟฟ้าล้วนที่เปิดตัวตั้งแต่ปี 2012 ผู้บุกเบิกวงการยานยนต์ไฟฟ้ายุคใหม่ แต่ในขณะที่รถไฟฟ้าจีนรุ่นใหม่มาแรงอย่าง Ora Good Cat มันยังมีดีเหลืออยู่หรือไม่
Renault Zoe E-Tech ขายด้วย 2 รุ่นย่อยคือ Zoe R110 ราคา 165,000 ริงกิต และ Zoe R135 ราคา 179,000 ริงกิต ซึ่งมีราคาไล่เลี่ยกับ Nissan Leaf ที่มีราคา 168,888 ริงกิต แต่นิสสันมีขนาดใหญ่กว่ามาก หากเทียบเป็นเงินไทยได้ 1.26 - 1.37 ล้านบาท นี่คือราคาที่ได้รับการยกเว้นภาษีจากรัฐบาลมาเลเซียแล้ว ก็นับว่ายังแพงกว่า EV จากจีนหลายรุ่นอยู่ดี
Renault Zoe E-Tech ในมาเลเซีย เพิ่งถูกไมเนอร์เชนจ์ไปเมื่อต้นปีที่ผ่านมา ยังลากขายเป็นปีที่ 9 แล้ว โดยเปลี่ยนลายล้อใหม่ เปลี่ยนไฟเดย์ไลท์รูปพระจันทร์เสี้ยว เป็นไฟตัดหมอกแนวนอน ตัวถังเพิ่มสีม่วงเข้ม บนตัวถังทรงกลมมน เป็นความจงใจทำให้รถมันดูเหมือนมะเขือม่วงขนาดยักษ์ ยังคงจุดเด่นที่มือจับประตูหลังซ่อนรูป โดยรวมแล้วยังดูไม่ล้าสมัย และเป็นมิตรกับผู้ใช้ ซึ่งรถทดสอบคันที่นำมาทดลองขับโดยเพื่อนร่วมงานของเราที่มาเลเซียนั้น เป็นรุ่นท็อป R135
ภายในเบาะปรับสูงไม่ได้
เมื่อเข้าไปด้านใน Renault Zoe E-Tech ก็พบกับคอนโซลที่ไม่ล้ำสมัยมากนัก วัสดุเป็นพลาสติกแข็งทั้งชิ้น เบาะนั่งก็ปรับสูงต่ำไม่ได้ แถมปุ่มหมุนปรับเอน ก็อยู่ในตำแหน่งชิดกับคอนโซลกลาง ไม่ใช่อยู่ชิดประตูแบบรถอื่นทั่วไป นั่นเป็นเพราะลดต้นทุนการย้ายข้างเป็นพวงมาลัยขวา แต่ยังดีที่แกนพวงมาลัยปรับสู่งต่ำและเข้าออกได้
หน้าจออินโฟเทนเมนท์ขนาด 7 นิ้วที่ดูเล็กเกินไปแล้วในสมัยนี้ มันมีโปรแกรมที่ใช้งานง่าย ที่สำคัญคือรองรับ Apple CarPlay แบบไร้สายแล้วด้วย การมีปุ่มปรับแอร์ขนาดใหญ่ แป้นเกียร์ที่เข้าใจง่าย ทำให้เราไม่ต้องปรับตัวเข้ากับรถมากนัก ทำให้เป็นมิตรกับผู้ใช้มากกว่ารถจีนที่เต็มไปด้วยสารพัดฟังก์ชั่นยัดอยู่บนหน้าจอทั้งหมด
ออพชั่นเด่นของ Renault Zoe E-Tech รุ่นท็อปคือ เบาะหนัง กระจกพับไฟฟ้า แอร์ออโต้ ลำโพง 6 ตัว ถุงลม 4 ใบ แต่ยังไม่มีระบบช่วยเบรคด้านหน้า
ท่านั่งขับขี่ให้ความรู้สึกกึ่งรถมินิแวน ด้วยตำแหน่งเบาะไม่จมติดพื้น หลังคาที่สูงโปร่ง ทำให้มีทัศนวิสัยดีเยี่ยม แม้ว่ารถจะถูกทำมาเพื่อขับขี่ในเมืองในการจราจรหนาแน่น แต่เราลองใช้งานแบบไฮเวย์ เพื่อที่จะเค้นสมรรถนะของรถ ซึ่งมันเปลี่ยนทัศนคติต่อรถไปเลย
มอเตอร์ของ Renault Zoe E-Tech ติดตั้งที่เพลาหน้า มีกำลัง 135 แรงม้า กับแรงบิด 245 นิวตันเมตร ที่มีคันเร่งไวสู้เท้า แรงติดเบาะทันใจ ทำอัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ภายใน 9.05 วินาที ส่วนช่วงล่างให้ความนิ่มในความเร็วต่ำ และในความเร็วสูง ไม่มีอาการส่ายโคลง หรือร่อนให้เห็น ในทางกลับกัน มันรับมือการเข้าโค้งด้วยความแรงได้ดี เกาะถนนน้อง ๆ รถโกคาร์ทเลย เป็นเพราะการจัดสมดุลย์น้ำหนักแบตเตอรี่ที่ดี ส่วนพวงมาลัยมีอาการเบาโหวงไปหน่อยในย่านความเร็วสูง แต่เราให้อภัยได้ เพราะมันเป็นรถที่ใช้ในเมืองเป็นหลัก
เมื่อเรานำมาขับใช้งานในเมือง ก็พบข้อดีของทัศนวิสัยโปร่งมาก จนแทบไม่ต้องใช้งานกล้องมองถอยและเซนเซอร์จอดรถเลย นอกจากนี้มันยังมีระบบ Easy Park Assist ช่วยเข้าซองจอดรถเองทั้งแบบถอยเข้าหรือจอดขนาน แต่มันจะใช้เวลาจอดนานกว่าคนปกติขับเอง ระบบนี้เหมาะกับพวกมือใหม่หัดจอดมากกว่า
ในเบาะตอนหลัง มันมีความเล็กและสั้น ที่วางขาน้อย ตามสไตล์รถประเภท B-segment หรือในบ้านเราก็เทียบเท่าอีโค่คาร์ ผู้ใหญ่นั่ง 3 คนหลังแบบเบียดซ้อนกันเลยทีเดียว
ระยะทางการขับขี่ ทางผู้ผลิตเคลมไว้ว่า 386 กม. ซึ่งผู้ทดสอบใช้งานอย่างหนักหน่วง มีอัตราการกินไฟ 16.33 kWh/100 กม. โดยการทดสอบนี้วิ่งไปทั้งหมด 120 กม.แล้วไฟยังเหลือ 65% ทำให้มีลุ้นว่า น่าจะสามารถทำได้ถึงตัวเลขที่ระบุจริง
ส่วนการชาร์จไฟนั้นรองรับ DC แล้ว เมื่อลองกับตู้ชาร์จกำลังไฟ 22 KW ก็พบว่าสามารถเติมไฟฟ้าจาก 65%-100% ภายใน 1 ชั่วโมง
สรุปแล้ว Renault Zoe E-Tech เป็นรถยนต์ไฟฟ้าทรงสวยไม่ตกยุค ออพชั่นไม่มาก ทำให้เข้าใจตัวรถได้ง่าย ใช้งานพื้นฐานได้ลื่น ขับสนุกเกินตัวทั้งในเมืองและนอกเมือง แต่น่าเสียดายที่มีราคาใกล้เคียงกับ Ora Good Cat รุ่นท็อปสุดที่มีฟังก์ชั่นช่วยขับขี่มากมาย ออพชั่นและการตกแต่งให้มาเยอะ และเบาะหลังกว้างกว่าอย่างเห็นได้ชัด ทำให้คนที่จะซื้อรถรุ่นนี้นั้น อาจเป็นคนที่อยากใช้แค่ระบบขับเคลื่อนไฟฟ้า แต่ไม่ชอบความไฮเทคของหน้าจอ ชอบความใช้งานง่ายไม่ต้องปรับตัวเข้าหารถมาก และมีความมั่นคงน่าเชื่อถือแบบรถยุโรป
อ่านเพิ่มเติม : ลองขับ Nissan Note e-Power ในมาเลเซีย ความประหยัด 35 กม./ล. ซึ่งคุณยังหาซื้อไม่ได้ (ตอนนี้)
ขายรถคันเดิมเพื่อซื้อรถมือสองคุณภาพดีได้ง่ายและสะดวก
2022 Haval H6 PHEV
แลก
เพิ่มรถของคุณ