Toyota (โตโยต้า) ประกาศความร่วมมือกับองค์กรไม่แสวงหากำไรอย่าง WattTime ซึ่งทำให้เจ้าของรถยนต์ไฟฟ้าและรถปลั๊กอินไฮบริดสามารถระบุเวลาการชาร์จที่มีประสิทธิภาพสูงสุด ขณะเดียวกันยังส่งผลต่อสุขภาพและสิ่งแวดล้อมให้น้อยที่สุด
- WattTime คือ
- การทำงานของเทคโนโลยีนี้
- เลือกโรงไฟฟ้าที่จะให้พลังงานได้
- ทุกอย่างดูจะครอบคลุมกับการใช้งานรถยนต์ไฟฟ้าแล้ว
WattTime คือ
WattTime ก่อตั้งขึ้นในปี 2014 เพื่อให้ข้อมูลสำคัญแก่บริษัทพลังงานและบุคคลทั่วไปสำหรับการนำพลังงานไฟฟ้าออกจากกริด (ระบบไฟฟ้า) และรถจาก Toyota จะเป็นกลุ่มแรกที่ได้รับประโยชน์จากข้อมูลเหล่านั้น โดยรถยนต์ไฟฟ้าและปลั๊กอินไฮบริด (PHEV) ของ Lexus ก็ได้รับประโยชน์จากการร่วมมือนี้ผ่านฟีเจอร์ Remote Connect ที่อยู่ในแอพพลิเคชั่นของ Toyota และ Lexus
window.googletag = window.googletag || {cmd: []}; googletag.cmd = googletag.cmd || []; googletag.cmd.push(function() { googletag.defineSlot('/22557728108/th_article_fourthp_under_pc', [
728,
90
], 'div-gpt-ad-1685678191139-0').addService(googletag.pubads()); googletag.pubads().enableSingleRequest(); googletag.pubads().collapseEmptyDivs(); googletag.enableServices(); });
googletag.cmd.push(function() { googletag.display('div-gpt-ad-1685678191139-0'); });
รถยนต์ไฟฟ้าของ Toyota ที่ได้รับประโยชน์จากฟีเจอร์ในตอนนี้มีคันเดียวคือ bZ4X ส่วนรถ PHEV อย่าง Prius Prime และ RAV4 Prime PHEV ก็สามารถใช้เทคโนโลยีนี้ได้เช่นกัน
การทำงานของเทคโนโลยีนี้
ลูกค้าที่มีรถรุ่นที่กล่าวไว้ข้างต้นจะต้องเลือกเข้าใช้บริการ Remote Connect ผ่านแอพพลิเคชั่นที่ต้องลงทะเบียนรถของเราเรียบร้อยแล้ว หลังจากนั้นเราจะได้รับข้อมูลการคาดการณ์ไฟฟ้าที่นำมาจาก WattTime และข้อมูลนี้จะรวมเข้ากับความต้องการการชาร์จของแต่ละบุคคลเพื่อนำไปทำตารางการชาร์จของแต่ละคนอีกที
ฟีเจอร์นี้จะเรียกว่า Eco Charging ซึ่งลูกค้าจะสามารถเห็นเวลาชาร์จที่ใช้คาร์บอนฟุตพริ้นท์ที่ต่ำที่สุดและส่งผลต่อสุขภาพได้อย่างง่ายดาย ตัวอย่างเช่น การที่เราสามารถดึงพลังงานจากโรงไฟฟ้าที่มีพลังงานสะอาดที่สุดที่มีในขณะนั้นมาใช้
อ่านเพิ่มเติม : ระบบชาร์จสองทิศทาง จะเป็นตัวเปลี่ยนเกมที่ทำให้คนหันมาใช้ EV มากขึ้นหรือไม่?
เลือกโรงไฟฟ้าที่จะให้พลังงานได้
WattTime ระบุไว้ว่า ผู้บริโภคสามารถหลีกเลี่ยงช่วงเวลาที่ “พลังงานไม่สะอาด” ได้ และสามารถเลือกแหล่งพลังงานจากโรงไฟฟ้าในเวลาที่กำหนดได้ ข้อมูลของ WattTime จึงสำคัญตรงที่ว่า หากไม่มีข้อมูลดังกล่าว ผู้บริโภคทั่วไปก็คงไม่มีวันเข้าถึงข้อมูลนี้ได้
ตัวอย่างข้อมูล WattTime คือโครงข่ายไฟฟ้าของนิวยอร์ก ซึ่งโรงไฟฟ้าทางตอนเหนือของรัฐจะก่อให้เกิดอันตรายต่อปอดของคนน้อยกว่ามากเมื่อเทียบกับพลังงานเท่ากันที่ได้จากเชื้อเพลิงฟอสซิลจากโรงไฟฟ้าในเมืองควีนส์
Steve Basra รองประธานของ Connected Technologies กล่าวว่า “จากการรวบรวมข้อมูลของ WattTime ในแอปของ Toyota และ Lexus เราจะทำให้ลูกค้ามีวิธีที่ง่ายและเข้าถึงได้ง่ายเพื่อเลือกเวลาชาร์จว่าเมื่อไหร่จะสามารถช่วยลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมได้”
แม้ผู้บริโภคที่ใส่ใจสิ่งแวดล้อมจะชื่นชอบเทคโนโลยีนี้ แต่ Toyota ยังคงต้องขายรถที่ปล่อยมลพิษเป็นศูนย์ไปก่อนที่เป้าหมายมาตรการเป็นกลางทางคาร์บอนจะจริงจังมากขึ้น
ตอนนี้ดูเหมือนว่าเทคโนโลยีเกี่ยวกับรถยนต์ไฟฟ้าจะเริ่มครอบคลุมและตอบสนองต่อความต้องการของลูกค้ามากขึ้น เหลือเพียงค่ายรถบางค่ายเท่านั้นที่ไลน์อัพของรถยนต์ไฟฟ้านั้นยังไม่มาเสียที
อ่านเพิ่มเติม : Toyota ชี้รถไฮบริดอาจเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมมากกว่ารถยนต์ไฟฟ้า
window.googletag = window.googletag || {cmd: []}; googletag.cmd = googletag.cmd || []; googletag.cmd.push(function() { googletag.defineSlot('/22557728108/th_article_relatedmodel_above_pc', [
728,
90
], 'div-gpt-ad-1685678175456-0').addService(googletag.pubads()); googletag.pubads().enableSingleRequest(); googletag.pubads().collapseEmptyDivs(); googletag.enableServices(); });
googletag.cmd.push(function() { googletag.display('div-gpt-ad-1685678175456-0'); });