ค่ายรถยักษ์ใหญ่จากญี่ปุ่นผนึกกำลังกันพัฒนาระบบขับขี่กึ่งอัตโนมัติเพื่อติดตั้งในรถยนต์หลากหลายรุ่น หวังสร้างนวัตกรรมแข่งขันกับค่ายรถจากฝั่งตะวันตก
เว็บไซต์ Nikkei Asia รายงานว่า Mazda (มาสด้า) Toyota (โตโยต้า) และ Subaru (ซูบารุ) จะจับมือทำงานร่วมกันในการพัฒนาเทคโนโลยีขับขี่อัตโนมัติระดับ 2 หรือ Level 2 ออกจำหน่ายอย่างเป็นทางการตั้งแต่ปีนี้เป็นต้นไป
รายงานชิ้นล่าสุดนี้สอดคล้องกับกระแสข่าวที่เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องว่าบริษัทรถยนต์จากแดนอาทิตย์อุทัยกำลังพัฒนาระบบช่วยเหลือผู้ขับขี่สูงอายุ เหมาะสำหรับการใช้งานบนถนนต่างจังหวัด รองรับปัญหาสังคมผู้สูงอายุที่เป็นหนึ่งในปัจจัยเสี่ยงทำให้เกิดอุบัติเหตุบนท้องถนน
window.googletag = window.googletag || {cmd: []}; googletag.cmd = googletag.cmd || []; googletag.cmd.push(function() { googletag.defineSlot('/22557728108/th_article_fourthp_under_pc', [
728,
90
], 'div-gpt-ad-1685678191139-0').addService(googletag.pubads()); googletag.pubads().enableSingleRequest(); googletag.pubads().collapseEmptyDivs(); googletag.enableServices(); });
googletag.cmd.push(function() { googletag.display('div-gpt-ad-1685678191139-0'); });
ติดตั้งในรถรุ่นอะไรบ้าง?
ปัจจุบัน มีการแบ่งระดับระบบขับขี่อัตโนมัติออกเป็น 5 ระดับ ซึ่งระดับที่ 2 หมายถึงรถยนต์สามารถเคลื่อนที่ไปข้างหน้าได้โดยอัตโนมัติแต่ผู้ขับขี่ยังต้องมีสมาธิโดยที่สามารถละมือออกจากพวงมาลัยได้เป็นบางจังหวะโดยเฉพาะเมื่ออยู่บนทางด่วนไฮเวย์
Toyota จะติดตั้งระบบขับขี่อัตโนมัติเทคโนโลยีล่าสุดไว้ในรถซีดานหรูอย่าง Crown เป็นรุ่นแรก เตรียมออกจำหน่ายภายในช่วงปลายปี 2022 หรือต้นปี 2023 หลังจากนั้นจะทยอยติดตั้งในรถยนต์หลายรุ่นที่ออกจำหน่ายในญี่ปุ่นเป็นแห่งแรก
รายงานข่าวระบุด้วยว่า Toyota กำลังพิจารณาติดตั้งระบบนี้ไว้ในรถยนต์ที่มีราคาจำหน่ายย่อมเยาด้วยเช่นกัน หากได้เสียงตอบรับดีจากลูกค้า นั่นหมายความว่ารถยนต์ขนาดคอมแพ็กต์อย่าง Corolla Cross ก็มีสิทธิจะมาพร้อมระบบนี้ในอีกไม่ช้า
ด้าน Mazda จะเริ่มต้นใช้งานระบบขับขี่อัตโนมัติระดับ 2 ไว้ในรถยนต์ที่ออกจำหน่ายภายในปีนี้ แต่จะจำกัดเฉพาะในรถยนต์อเนกประสงค์ตระกูล CX และรถซีดานขนาดกลางหรือ Mazda 6 เท่านั้น
ขณะที่ Subaru ประกาศชัดเจนว่าจะติดตั้งระบบช่วยเหลือผู้ขับขี่นี้ไว้ในรถยนต์โกลเบิลโมเดลที่ออกจำหน่ายทั่วโลก ดังนั้นจึงมีความเป็นไปได้มากที่สุดที่คนไทยจะได้สัมผัสกับระบบนี้
ค่ายรถตราดาวลูกไก่ระบุด้วยว่าจะพัฒนาเทคโนโลยีนี้ให้สามารถขับเคลื่อนได้อัตโนมัติโดยที่ผู้ขับขี่ไม่ต้องจับพวงมาลัยที่ความเร็วสูงสุด 50 กม.ต่อชม.
สถาบันวิจัยยาโนะ (Yano Research Institute) ในญี่ปุ่นคาดการณ์ว่าภายในปี 2030 รถยนต์ 62% ที่โลดแล่นอยู่ในประเทศญี่ปุ่นจะรองรับระบบขับขี่อัตโนมัติระดับ 2 หรือ 3 แต่หากยกระดับขึ้นไปถึงระดับ 5 ต้องมีการผ่านกฎหมายรองรับเสียก่อน
window.googletag = window.googletag || {cmd: []}; googletag.cmd = googletag.cmd || []; googletag.cmd.push(function() { googletag.defineSlot('/22557728108/th_article_relatedmodel_above_pc', [
728,
90
], 'div-gpt-ad-1685678175456-0').addService(googletag.pubads()); googletag.pubads().enableSingleRequest(); googletag.pubads().collapseEmptyDivs(); googletag.enableServices(); });
googletag.cmd.push(function() { googletag.display('div-gpt-ad-1685678175456-0'); });