การ "วอร์มเครื่องก่อนออกตัว" ยังจำเป็นอยู่ไหม และทำอย่างไรไม่ให้ถูกต้อง

เชื่อว่า หลายคนก่อนออกเดินทางยังทำการสตาร์ทและรอ 5-10 นาทีเพื่อวอร์มเครื่องยนต์ ให้ได้อุณหภูมิที่เหมาะสม

แต่ในปัจจุบันที่รถมีเทคโนโลยีใหม่ ๆ การวอร์มเครื่องยนต์ยังจำเป็นอยู่หรือไม่? และมีวิธีการทำให้ถูกอย่างไรเรามาดูกัน

การวอร์มเครื่องในรถก่า

การอุ่นเครื่องก่อนขับรถในตอนเช้า สำหรับรถที่มีอายุ 20-30 ปีขึ้นไป ถุกปลูกฝังกันมาเรื่อย ๆ ว่าให้วอร์มเครื่องยนต์จนถึงถึงอุณหภูมิทำงานก่อนค่อยออกรถ

ซึ่งเป็นเรื่องที่ถูก เพราะทำให้น้ำมันเครื่องถูกดูดขึ้นไปหล่อเลี้ยงไหลเวียนชิ้นส่วนต่างๆ ภายในเครื่องยนต์ เนื่องจากน้ำมันเครื่องในสมัยก่อน ยังมีอัตราการไหลเวียนของน้ำมันที่ช้าและหนืดในช่วงอุณหภูมิต่ำ

จึงต้องอาศัยการวอร์มเครื่องยนต์ด้วยรอบเดินเบา เพื่อสร้างอุณหภูมิภายในระบบให้ร้อนพอที่น้ำมันเครื่องจะไหลเวียนไปเลี้ยงชิ้นส่วนได้ครบถ้วน

ขณะเดียวกัน เรื่องของอุณหภูมิหม้อน้ำในการรถเก่านั้น บรรดาเซ็นเซอร์ตลอดจนวาล์วน้ำอาจมีสภาพไม่สมบูรณ์เต็มร้อยเหมือนรถใหม่ การวอร์มเครื่องให้อุ่นพอดีจึงถือว่าช่วยลดความเสียหายที่อาจเกิดต่อเครื่องยนต์ได้ดี

แล้วรถใหม่จำเป็นไหม

ปัจจุบันไม่ว่าจะเป็นรถเก๋ง กระบะ เอสยูวี รถหรู หรือรถสปอร์ต แค่ขึ้นรถแล้วสตาร์ทเครื่อง จากนั้นรอประมาณ 5-10 วินาที แล้วค่อย ๆ ออกตัวไปช้าๆ อย่าเพิ่งใช้ความเร็วหรือเค้นรอบสูง แค่เพียงระยะทางประมาณ 1-2 กม. อุณหภูมิในหม้อน้ำก็จะขึ้นมาอยู่ในจุดที่เหมาะสมแล้ว

เนื่องจากรถยุคปัจจุบันมีเซ็นเซอร์ตรวจวัดตามจุดต่างๆ มากมาย ทุกจุดทำงานสอดคล้องกันเพื่อให้ประสิทธิภาพสูงสุด และคำนวนเรื่องค่ามลพิษที่ถูกปล่อยออกมา

และการที่รถยุคปัจจุบันกำหนดเกณฑ์ขั้นต่ำให้ใช้น้ำมันเครื่องกึ่งสังเคราะห์ ทำให้อัตราการไหลเวียนน้ำมันเครื่องในอุณหภูมิต่ำจะทำได้รวดเร็ว

เพียงไม่กี่วินาทีน้ำมันเครื่องก็จะถูกสูบขึ้นไปหล่อเลี้ยงบริเวณแคมชาร์ฟ ลูกสูบ ตลอดจนชิ้นส่วนอื่นๆ ในเครื่องครบถ้วน

สรุปสั้นๆ ดังนี้

1. สตาร์ทเครื่องยนต์แล้วรอให้รอบเครื่องตกลงมาอยู่ที่รอบเดินเบาปกติ
2. คาดเข็มขัดนิรภัย เช็คกระจกมองข้าง กระจกมองหลังให้เรียบร้อย
3. ค่อยเลื่อนรถออกไปใช้ความเร็วกับรอบเครื่องที่ไม่สูงนัก
4. ขับไปเรื่อยๆ ใช้ความเร็วไม่เกิน 60 กม./ชม. เป็นระยะทางประมาณ 1-2 กม.
5. เมื่อเข็มวัดอุณหภูมิหม้อน้ำถึงจุดกึ่งกลางก็ขับรถได้ตามปกติ