พวงมาลัยทรงเหลี่ยมหรือที่ Tesla เรียกว่า yoke ในรถยนต์ไฟฟ้า Model S (เทสล่า โมเดล เอส ) และ Model X (เทสล่า โมเดล เอ็กซ์) ถือเป็นอ็อปชั่นที่แหวกแนวที่สุดในรอบหลายปีของอุตสาหกรรมยานยนต์
ผู้ขับขี่อย่างเราทุกคนมีความคุ้นเคยกับพวงมาลัยทรงกลมที่ถูกใช้งานมานานกว่าศตวรรษ เหตุผลหลักที่รูปทรงพวงมาลัยไม่มีการเปลี่ยนแปลงมากว่าร้อยปีก็คือ “ใช้งานง่ายและตอบโจทย์ได้ดีที่สุด” จากเดิมพวงมาลัยมีขนาดใหญู่ในอดีตได้ถูกพัฒนาอย่างต่อเนื่องให้มีขนาดเล็กลง จับกระชับมือและใช้งานสะดวกมากขึ้น
ถึงแม้ในระยะหลังพวงมาลัยแบบขอบล่างตัดตรงทรงซิ่งจะได้รับการความนิยมมากขึ้นในรถบ้านทั่วไป แต่ก็ไม่ส่งผลต่อการใช้งานตามปกติ
window.googletag = window.googletag || {cmd: []}; googletag.cmd = googletag.cmd || []; googletag.cmd.push(function() { googletag.defineSlot('/22557728108/th_article_fourthp_under_pc', [
728,
90
], 'div-gpt-ad-1685678191139-0').addService(googletag.pubads()); googletag.pubads().enableSingleRequest(); googletag.pubads().collapseEmptyDivs(); googletag.enableServices(); });
googletag.cmd.push(function() { googletag.display('div-gpt-ad-1685678191139-0'); });
แต่แล้ว Tesla ที่มักฉีกกรอบการออกแบบอยู่เสมอได้นำเสนอ yoke (แปลตรงตัวว่าแอกที่ใช้เทียมวัว) พวงมาลัยทรงเหลี่ยมขนาดเล็กซึ่งเหมือนกับรถแข่งฟอร์มูล่าวัน เราไปชมกันว่าผู้ที่ได้ใช้งานลองขับขี่จริง มีความเห็นว่าอย่างไรกันบ้าง
ทัศนวิสัยดีขึ้น แต่ขับขี่ลำบาก
หนึ่งในจุดเด่นของพวงมาลัย yoke ก็คือดีไซน์ที่เท่สะดุดตา ล้ำอนาคตไปไกลโพ้น มอบทัศนวิสัยที่ดีเนื่องจากไม่บดบังหน้าจอมาตรวัด และไม่ส่งผลต่อการมองถนน
Tesla ไม่เพียงเปลี่ยนดีไซน์พวงมาลัย แต่ยังตัดก้านไฟเลี้ยวแบบดั้งเดิมออกไปด้วยแล้วติดตั้งสวิทช์ไฟเลี้ยวไว้บนพวงมาลัย yoke แทน ซึ่งการกดปุ่มเพื่อเปิดไฟเลี้ยวแทนที่การงัดก้านขึ้นหรือกดก้านลงถือว่าสะดวกสบายไปอีกแบบเมื่อคุ้นเคยดีแล้ว
แต่จุดบอดของพวงมาลัยแบบใหม่ของ Tesla มีเยอะกว่าจุดเด่นมาก ยูทูบเบอร์หลายคนในสหรัฐอเมริกาที่ได้ลองสัมผัสพวงมาลัย yoke บอกเป็นเสียงเดียวกันว่าต้องใช้ความคุ้นเคยอยู่พักใหญ่ ตั้งแต่เริ่มจับครั้งแรกไปจนถึงการออกตัวจึงจะมีความมั่นใจในการขับขี่ตามปกติ
การเปลี่ยนเลนด้วยพวงมาลัยเช่นนี้อาจไม่ใช่ปัญหา แต่เมื่อต้องหักเลี้ยวซ้ายหรือขวาในทางแคบ ๆ รวมถึงการกลับรถนั้น การปราศจากส่วนโค้งเพื่อจับสลับมือในการหมุนพวงมาลัยแบบ hand over hand ตามปกติทำให้ผู้ขับขี่ประสบกับความยากลำบาก ขณะเดียวกัน องศามุมเลี้ยวยังเป็นสิ่งที่ต้องทำความคุ้นชินเช่นกัน
เว็บไซต์ยานยนต์ Jalopnik ระบุว่า พวงมาลัย yoke ใน Model S มีวงรอบการเลี้ยวจากซ้ายไปขวาอยู่ที่ 2.25 รอบหรือประมาณ 800 องศา ใกล้เคียงกับรถยนต์ที่ใช้พวงมาลัยทรงกลมดั้งเดิมซึ่งมีค่าเฉลี่ยที่ 900 องศา แต่แตกต่างจากรถแข่งฟอร์มูล่าวันที่มีวงรอบการเลี้ยว 300-400 องศาเท่านั้น นักแข่งรถสูตรหนึ่งจึงแทบไม่ต้องยกมือออกจากพวงมาลัยขณะเลี้ยว แต่ผู้ใช้งานทั่วไปต้องพบกับความเงอะงะขณะเลี้ยวด้วยพวงมาลัย yoke
หลายความเห็นของผู้ใช้ในสหรัฐอเมริกามองว่าพวงมาลัยแบบ yoke เหมาะสำหรับการขับขี่ด้วยความเร็วสูงบนทางตรงหรือทางโค้งในสนามแข่ง แต่เมื่อใช้งานจริงบนถนนทั่วไปที่ต้องมีการหมุนพวงมาลัยหลายรอบ มีการถอยจอด หรือการจอดเทียบข้าง พวงมาลัยทรงเหลี่ยมแบบนี้ใช้งานยากมาก
อย่างไรก็ตาม การสร้างนวัตกรรมที่แปลกใหม่และล้ำยุคทุกครั้งย่อมทำให้เกิดเสียงวิจารณ์ ตามมา คำถามไม่ได้อยู่ที่ว่า Tesla คิดค้นพวงมาลัยแบบนี้เพื่ออะไร (ก็ในเมื่อพวกเขาสร้างขึ้นและขายจริงเรียบร้อยแล้ว) แต่อยู่ที่ว่าพวงมาลัยแบบนี้จะได้รับความนิยมอย่างแพร่หลายหรือไม่ แล้วถ้าถูกติดตั้งอยู่ในรถบ้านทั่วไป คุณผู้อ่านจะยอมรับได้หรือเปล่า?
หากพวงมาลัย yoke ติตตั้งในรถยนต์ทั่วไปจะไหวหรือไม่?
window.googletag = window.googletag || {cmd: []}; googletag.cmd = googletag.cmd || []; googletag.cmd.push(function() { googletag.defineSlot('/22557728108/th_article_relatedmodel_above_pc', [
728,
90
], 'div-gpt-ad-1685678175456-0').addService(googletag.pubads()); googletag.pubads().enableSingleRequest(); googletag.pubads().collapseEmptyDivs(); googletag.enableServices(); });
googletag.cmd.push(function() { googletag.display('div-gpt-ad-1685678175456-0'); });