2020 Bangkok International Motor Show (2020 บางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์) คืองานแสดงรถยนต์ที่จัดขึ้นเป็นงานแรกในยุคของโควิด-19 ทำให้ถูกจับตาอย่างมากถึงการจัดงานท่ามกลางวิถีชีวิตใหม่ ทั้งในส่วนของผู้จัดงาน ผู้ออกงาน และผู้ร่วมงาน ว่าจะทำได้ดีเพียงใด ท่ามกลางข้อจำกัดมากมายที่เกิดขึ้นในปีนี้
แน่นอนว่าเมื่อการจัดงานแสดงรถยนต์ขนาดใหญ่หลายรายทั่วโลกต่างก็ยกเลิกกันไปก่อนหน้านี้ในช่วงที่สถานการณ์รุนแรง กรังด์ปรีซ์ อินเตอร์เนชั่นแนล ในฐานะผู้จัดงานก็สวนกระแสเดินหน้าจัดงานอย่างต่อเนื่อง แม้จะต้องเลื่อนการจัดงานมาหลายต่อหลายครั้ง นับจากกำหนดการเดิมที่ควรจะเกิดขึ้นในช่วงปลายเดือนมีนาคม
หลายคนบอกว่าผู้จัดงานดื้อดึงที่จะจัดต่อ หลายคนสอบถามถึงความเข้มงวดและมาตรการในการดูแลผู้เข้าชมงาน และหลายคนพาลหวั่นไปว่า การจัดงานนั้นจะทำได้ดีและยังน่าสนใจหรือไม่ เพราะแม้แต่ในช่วงเวลาของการเปิดงาน ก็ยังมีกระแสข่าวเชิงลบพาลให้ทุกคนหวาดหวั่นในการเดินทางไปร่วมงานในปีนี้กันอย่างมาก
AutoFun นั้นเดินทางไปร่วมงานมาแล้ว 2 วันก่อนหน้านี้ ใน VIP Day ที่ไม่ได้ใช้สิทธิพิเศษไม่กักกันตัว (คนละเรื่องแล้ว) และ Press Day ก็พบเรื่องราวที่น่าสนใจมากมายภายในงานนี้ เลยอยากจะร่วมบันทึกเอาไว้เป็นประวัติศาสตร์ ว่านี่คือความกล้าของคนจัดงาน คนร่วมงาน และผู้เข้าชมงานที่ต่างร่วมเป็นหน้าหนึ่งในประวัติศาสตร์ครั้งนี้
แม้จะเป็นการจัดงานท่ามกลางกระแสความหวาดวิตกและกังวลมากมาย แต่ก็ไม่อาจจะปฏิเสธได้ว่านี่คือความพยายามสร้างความคึกคักให้กับอุตสาหกรรมยานยนต์ในประเทศไทยไม่ให้ถดถอยไปมากกว่านี้ ทุกค่ายขนสินค้าและแคมเปญมาอย่างเต็มที่ และจะมีสักกี่ครั้ง ที่เราต้องใส่หน้ากาก ล้างมือและเช็คอิน-เช็คเอาท์กันไปตลอดงาน
ผู้ชมต้องปรับตัวรับมือวิถี New Normal เต็มระบบ
ปกติในการเข้างานแสดงรถยนต์แต่ละครั้งนั้น การดูแลรักษาเรื่องความปลอดภัยก็ถือว่าหนาแน่นมากอยู่แล้ว แต่เมื่อเป็นการจัดงานช่วง ที่ต้องเพิ่มมาตรการเรื่องการป้องกันภัยจากโรคระบาดเข้ามาอีกขั้น แน่นอนว่าผู้ที่เข้าร่วมงานอาจจะต้องปรับตัวและเรียนรู้ที่จะอยู่กับมาตรฐานใหม่นี้ให้ได้ แต่ขอบอกว่ามันก็ไม่ได้ยากเย็นอะไรหรอก
กระบวนการเริ่มต้นตั้งแต่ประตูบานหน้า ไม่ว่าคุณจะเข้ามาจากที่จอดรถหรือด้านถนน ทางเชื่อมใดใดก็ตาม ก่อนที่คุณจะเข้าชาเลนเจอร์ ฮอลล์ได้ คุณจะต้องทำการเช็คอิน 1 ครั้งกับแอพพลิเคชั่นไทยชนะ จากนั้นก็ต้องเหยียบลงบนพรมที่มีน้ำยาทำความสะอาดเท้า เดินผ่านเครื่องตรวจโลหะ พร้อมให้เจ้าหน้าที่ทำการตรวจสัมภาระทั้งหมด
เมื่อก้าวขึ้นมาถึงหน้าฮอลล์แสดงรถยนต์ทั้ง 3 ฮอลล์ ปีนี้ได้มีการจัดระเบียบทางเข้าทางออกใหม่ ลดจำนวนการเข้าออกลง ทำให้การเข้าออกจากฮอลล์จำเป็นต้องคิดกันให้ถี่ถ้วน สแกนชัยชนะรอบที่ 2 ก่อนเข้าฮอลล์แสดงสินค้า พร้อมโชว์ให้เจ้าหน้าที่ดูให้เรียบร้อย ซึ่งเจ้าหน้าที่ 2 วันแรกทำงานกันอย่างแข็งขันน่าได้รับคำชื่นชม
บูธแสดงรถยนต์ทุกบูธจะถูกล้อมรอบเอาไว้ และกำหนดทางเข้าออกบูธเพียงจุดเดียว ทำให้ผู้ที่จะเข้าบูธแต่ละครั้ง จะต้องวางแผนดีดี ก่อนเข้าและออกจะต้องสแกนแอพพลิเคชั่น และหากมีคนเข้าบูธถึงที่กำหนดก็ต้องยืนรอ และแม้แต่ห้องน้ำเอง ก็มีการจำกัดจำนวนคนที่สามารถเข้าไปในห้องน้ำได้เพียงจำนวนแค่ 6-8 คนเท่านั้น
อย่างที่เล่าให้ฟังนั้นก็เพื่อให้ทุกคนที่อยากมาร่วมงานได้เตรียมตัวกันให้ดี อย่าอารมณ์เสียใส่เจ้าหน้าที่ ชาร์ตแบตมือถือมาให้เต็ม เพราะการเขียนชื่อ เบอร์โทร มันเสียเวลามากกว่า อย่าดื้อดึงถืออภิสิทธิ์ไม่ยอมสแกน และโปรดให้ความร่วมมือในการปฏิบัติตามกฎ และก่อนออกจากฮอลล์และออกจากงาน ก็อย่าลืมสแกนเช็คเอาท์ให้เรียบร้อยด้วยนะ
ค่ายรถปรับตัวเน้นมินิมอล แพคสินค้า อัดแคมเปญ
การเปลี่ยนแปลงที่เห็นได้อย่างชัดเจนก็คือการจัดงานในปีนี้ ทีมีผู้ประกอบการหลาย ๆ ค่ายตัดสินใจถอนตัวออกไปตามนโยบายของบริษัทแม่ และการตัดลดต้นทุนในการจัดงาน ซึ่งแน่นอนว่าคงไม่มีใครอยากให้เกิด แต่ชีวิตต้องเดินกันต่อไป ทุกค่ายที่เข้ามาก็พยายามที่จะส่งสินค้าของตัวเอง พร้อมทั้งอัดแคมเปญกันอย่างเต็มพิกัดสำหรับงานนี้
ลืมบรรยากาศเก่า ๆ ของงานมอเตอร์โชว์อันหวือหวา มีเปิดตัวรถต้นแบบ 3-5 คันทุกปี มีรถใหม่มาจัดแสดงกัน 10 กว่ารุ่น หากนับแค่เรื่องของบรรยากาศการจัดงานในปีนี้ถือว่ามีการเปลี่ยนแปลงไปมาก โดยบูธแสดงรถยนต์ตรงกลางนั้นถูกถอดออกเกือบทั้งฮอลล์ เหลือแค่เพียงฝั่งซ้ายขวา ที่บูธของค่ายรถยนต์หันหน้าชนกันตรงกลาง
ทางเดินถูกขยายออกให้มีขนาดใหญ่ขึ้นเพื่อเพิ่มระยะห่างระหว่างการเดินชมงาน หลายบูธที่มาแสดงรถยนต์กลับสู่วิถีมินิมอลที่สุด ลดต้นทุนในเรื่องการตกแต่งบูธอันหรูหรา แทบจะไม่มีบูธไหนที่มาแข่งขันยกพื้น สร้างเวทีกันให้เหนื่อยและเปลืองงบประมาณมากมาย ทุกคนมาร่วมงานนี้ด้วยสินค้าและโปรโมชั่นพิเศษเป็นหลักจริง ๆ
พริตตี้ใส่เฟซชิลด์ ครั้งแรกของวงการแสดงรถยนต์
หากไม่นับการเปลี่ยนแปลงในแวดวงพริตตี้ในเรื่องของการแต่งตัวตามกาละเทศะ มอเตอร์โชว์ในครั้งนี้ก็อาจจะสามารถบันทึกได้ว่า นี่คืองานแสดงรถยนต์ครั้งแรกที่กำหนดให้พริตตี้ที่มายืนประจำรถทุกคน จะต้องสวมเฟซชิลด์ หรืออุปกรณ์ปกป้องหน้า และยังมีการกำหนดอื่น ๆ อีกมากมาย เช่น การรักษาระยะห่างที่ต้องทำ เป็นต้น
ส่งผลกระทบต่อการคัดเลือกสาว ๆ เข้ามาทำหน้าที่ หลายบูธตัดสินใจลดจำนวนพริตตี้ลง หรือแม้แต่ยกเลิกการใช้สาว ๆ ในการพรีเซนต์สินค้าของแบรนด์ไป และที่สำคัญ บรรดาน้อง ๆ ที่มาทำหน้าที่ก็ต้องฝึกฝนให้ชินกับการใส่อุปกรณ์ป้องกันทุกรูปแบบ ซึ่งเท่าที่สังเกตดู ก็เห็นทุกบูธสามารถทำกันได้ แต่น้อง ๆ ก็บ่นเหมือนกันว่าหายใจยาก
แต่ที่บ่นกันเสียงดังมากกว่าก็คือบรรดาช่างภาพที่มักจะเข้ามาเก็บภาพของน้อง ๆ ที่บอกว่าในปีนี้นั้นถ่ายรูปยากมาก เฟซชิลด์สะท้อนแสงวิบวับเต็มไปหมด แถมบางทีก็ยังลายตาเสียเหลือเกิน งานนี้ขอยืนอยู่ข้างฝ่ายจัดงานแบบไม่สงสารใคร เพราะยังไงแล้ว ไพรออริตี้หลักในการจัดงานนั้น ก็ต้องอยู่ที่การสร้างความปลอดภัยให้ผู้ร่วมงานทุกคนอยู่แล้ว
ผู้จัดเตรียมมาตรการรับมือครบครัน
กรังด์ปรีซ์ อินเตอร์เนชั่นแนล ผู้จัดงานบางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์ ครั้งที่ 41 ระบุว่าพวกเขาได้ปฏิวัติงานจัดแสดงรถยนต์ตามรูปแบบวิถีชีวิตใหม่ ด้วยการวางมาตรการคัดกรองผู้เข้าชมงานอย่างเคร่งครัดตามข้อกำหนดของรัฐบาล บนพื้นที่กว่า 1.7 แสนตารางเมตร พร้อมการจำลองบรรยากาศของงานสู่โลกออนไลน์ในปีนี้
จาตุรนต์ โกมลมิศร์ รองประธานจัดงานฯ ระบุถึงมาตรฐานการคัดกรองผู้เข้าชม ว่าจำเป็นต้องขอความร่วมมือผู้เข้าชมงานทุกคนสวมหน้ากากอนามัยตลอดเวลาที่อยู่ในฮอลล์จัดแสดง และใช้สเปรย์แอลกอฮอล์พ่นมือทำความสะอาดทุกครั้งก่อนเข้าไปทดลองนั่งรถยนต์ พร้อมมาตรการตรวจสอบดูแลด้านสุขอนามัยอย่างเคร่งครัด
ไม่ว่าจะเป็นการตั้งจุดสแกนแอปพลิเคชั่นไทยชนะ การวัดอุณหภูมิร่างกายและซื้ออุปกรณ์เครื่องฉายแสงยูวีฆ่าเชื้อแบบเคลื่อนที่ เพื่อใช้ทำความสะอาดฆ่าเชื้อภายในพื้นที่จัดแสดงเข้ามาเพิ่มเติม ติดตั้งจุดคัดกรองก่อนเข้าสู่ฮอลล์จัดแสดงอีก 1 ครั้ง รวมทั้งจัดเตรียมอุปกรณ์เพื่อวัดอุณหภูมิร่างกายทางดวงตาที่มีความแม่นยำ
รวมไปถึงการปรับเพิ่มพื้นที่ทางเดินทางกลางจาก 6 เมตรเป็น 10 เมตร และทางเดินระหว่างบูธจาก 3 เมตรเป็น 6 เมตร จัดพื้นที่สำหรับการเจรจาธุรกิจเพื่อรองรับลูกค้าเพิ่มเติมกว่า 3,000–5,000 ที่นั่งให้กับแต่ละแบรนด์ เพื่อจะสามารถกระจายลูกค้าที่ทำธุรกรรมสู่บริเวณพื้นที่โหลดดิ้งด้านหลังของอาคารชาเลนเจอร์ 2
และเตรียมเปิดประสบการณ์ใหม่ Virtual Motor Show จำลองบรรยากาศของงานบางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์ ครั้งที่ 41 สู่แพล็ตฟอร์มออนไลน์ พร้อมออกแบบ e-Catalog และมีระบบแชตเพื่อพูดคุยโต้ตอบกับเจ้าหน้าที่ เพื่อสร้างประสบการณ์ใหม่แก่ผู้ที่ต้องการเลือกซื้อรถและรับโปรโมชั่นแบบครบวงจร
ความเห็นของผมกับงานมอเตอร์โชว์ปีนี้
เอาจริง ๆ เลยตอนที่เดินเข้าไปในงานครั้งแรกก็อดแปลกใจไม่ได้ เพราะภาพบรรยากาศความยิ่งใหญ่และความวุ่นวายของงานที่อยู้ในภาพจำมันหายไปหมด บูธที่เคยออกแบบอย่างสวยงามหลายบูธก็ดูเหมือนมาออกงานไปงั้น ๆ ไม่ได้ดูมีความตั้งใจเหมือนที่ผ่าน ๆ มา ทำให้รู้สึกไปเองในตอนแรกว่างานมันไม่น่าเดินเหมือนกัน
แต่พอได้พูดคุยกับผู้บริหารหลาย ๆ ค่าย ถึงความคิดและการตัดสินใจที่จะมาเข้าร่วมงานของพวกเขา ก็ทำให้เข้าใจได้ว่าเมื่อสถานการณ์เปลี่ยนแปลงไป อะไรที่ไม่สมควรต้องเสียก็ควรที่จะเก็บเงิน และเอาเวลารวมถึงเงินทองไปทุ่มให้กับสิ่งที่สำคัญที่สุด ก็คือการสร้างยอดขายด้วยการออกโปรโมชั่นครั้งใหญ่ ที่ไม่เคยมีงานไหนทำมาก่อน
หลาย ๆ ค่ายที่ตัดสินใจปล่อยพื้นที่ว่างเอาไว้และไม่เข้ามางานนั้นก็พอเข้าใจได้ว่า ไม่พร้อมที่จะจ่ายค่าตกแต่งบูธ ค่าขนสินค้า ไหนจะค่าบุคลากรที่จะต้องเสียไปในช่วงเวลาของการจัดงานอีก ขณะที่บางค่ายที่เข้ามานั้น แม้จะดูแปลก ๆ แต่หากไปดูรายละเอียดดีดีก็ถือว่ามีความตั้งใจไม่น้อย ถ้าไม่เชื่อก็ลองไปเหยียบพรมที่อยู่รอบรถโมเดลคันนั้นได้
ก็ต้องชื่นชมความกล้าของคนจัดงาน ความกล้าของคนร่วมงานทุกคน ทุกค่าย ที่มีเป้าหมายตรงกันก็คือการกระตุ้นยอดจำหน่ายรถยนต์ในประเทศไทย ที่หดตัวไปในช่วงครึ่งปีแรกกว่า 38% และอย่างที่บอกมาตั้งแต่แรก นี่คืองานแสดงรถยนต์ระดับสากลรายการแรกของโลกในยุคโควิด ก็ยังอาจจะต้องมีเหตุการณ์ขลุกขลักเกิดขึ้นบ้างแน่นอน
ร่วมกันเป็นกำลังใจให้คนจัดงานกันนะครับ ยอดขายในงานก็อาจจะไม่ได้เยอะแยะมากมายเหมือนทุกปี ยิ่งจำนวนคนเข้างานแล้วคงไปถึงยาก ท่ามกลางกระแสข่าวแบบนี้ อย่างไรก็ตาม The show must go on ต่อไป และการจัดงานในครั้งนี้ จะสร้างมาตรฐานใหม่ให้กับงานอื่น ๆ ที่จะจัดตามกันมาในอนาคตอันใกล้ อย่างแน่นอน