BMW Group (บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป) ประกาศว่าการพัฒนาแบตเตอรี่แบบแข็งหรือแบตเตอรี่โซลิดสเตทมีความก้าวหน้าไปได้ด้วยดี และอาจทดลองใช้งานจริงในก่อนถึงปี 2025
แบตเตอรี่โซลิดสเตท (solid state battery) ถูกยกย่องว่าเป็น “ทางออกของทุกปัญหา” ที่เกิดขึ้นกับรถยนต์ไฟฟ้าในปัจจุบันที่ใช้แบตเตอรี่ลิเธียม-ไอออน ไม่ว่าจะเป็นระยะทางขับขี่ที่สั้นเกินไปหรือระยะเวลาชาร์จไฟที่นานเกินไป
เนื่องจากแบตเตอรี่โซลิดสเตทมีความทนทานมากกว่า มีความหนาแน่นของพลังงานเหนือกว่า และให้ระยะทางขับเคลื่อนที่ไกลกว่ามาก
ผลการศึกษาพบว่าแบตเตอรี่โซลิดสเตทยังมีอายุการใช้งานที่นานกว่าเนื่องจากปราศจากปัญหาเกี่ยวกับแก๊สหรือไอระเหยที่เกิดจากการประจุไฟหรือถ่ายเทประจุเหมือนแบตเตอรี่ลิเธียม-ไอออน อีกทั้งยังมีขนาดเล็กกว่าด้วยจึงเหมาะสำหรับการติดตั้งในรถยนต์ไฟฟ้าทุกประเภท
แฟรงก์ เวเบอร์ คณะกรรมการบริหารของ BMW Group กล่าวด้วยความมั่นใจว่า รถยนต์ไฟฟ้าที่มีความเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมมากที่สุดและมีความยั่งยืนสูงที่สุดในโลกจะเป็นของแบรนด์ BMW
“เรากำลังพัฒนาเซลล์แบตเตอรี่แห่งอนาคตที่เพียบพร้อมทั้งความทรงพลัง ความปลอดภัย ประหยัดพลังงาน และรีไซเคิลได้ตั้งแต่วัตถุดิบไปจนถึงรถยนต์ที่สิ้นสุดการใช้งาน ทั้งหมดนี้จะถูกสร้างขึ้นผ่านห่วงโซ่การผลิตตามมาตรฐานของยุโรป” เวเบอร์ กล่าว
เวเบอร์ยืนยันว่า BMW กำลังทำวิจัยเทคโนโลยีแบตเตอรี่โซลิดสเตทอย่างเข้มข้น และพร้อมที่จะทดลองใช้งานก่อนปี 2025 ขณะที่รถยนต์ไฟฟ้ารุ่นโปรดักชั่นที่ใช้แบตเตอรี่ประเภทนี้จะพร้อมวางจำหน่ายจริงภายในปี 2030 อย่างแน่นอน
นอกจาก BMW ยังมีบริษัทรถยนต์และบริษัทเทคโนโลยีหลายแห่งกำลังพัฒนาแบตเตอรี่โซลิดสเตทอยู่เช่นกัน อาทิ Samsung (ซัมซุง) ที่เดินหน้าพัฒนามานานหลายปี และเคยระบุว่าแบตเตอรี่ประเภทนี้จะมีขนาดเล็กลง 50% เมื่อเทียบกับแบตเตอรี่ลิเธียม-ไออน
ขณะเดียวกัน แบตเตอรี่โซลิดสเตทจะช่วยให้รถยนต์ไฟฟ้าสามารถโลดแล่นได้ไกลกว่า 800 กม. ต่อการชาร์จไฟเต็มหนึ่งครั้ง และรองรับรอบการชาร์จไฟได้มากกว่า 1,000 ครั้ง
ตรวจสภาพรถ 175 จุด
รับประกันคืนเงินภายใน 30 วัน
การรับประกัน 1 ปี
ราคาคงที่ ไม่มีค่าธรรมเนียมแอบแฝง
{{variantName}}
{{carMileage}} กม.
{{registrationYear}} ปี
{{storeCity}}