เทียบนโยบายรถยนต์ไฟฟ้า Toyota – Honda และทำไมนักวิเคราะห์ชี้ฝ่ายหลังดูดีกว่า

ค่ายรถยนต์ยักษ์ใหญ่จากญี่ปุ่นทั้ง Toyota (โตโยต้า) และ Honda (ฮอนด้า) พร้อมใจกันประกาศนโยบายการมุ่งสู่ระบบขับเคลื่อนไฟฟ้าระหว่างการแถลงผลประกอบการทางการเงินในช่วงต้นเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา

 เป้าหมายของ Toyota Motor คือการนำเสนอรถยนต์ที่ใช้ระบบขับเคลื่อนไฟฟ้า 8 ล้านคันภายในปี 2030 โดยในจำนวนนี้ 3 ใน 4 เป็นรถไฮบริดหรือปลั๊กอินไฮบริด ส่วนที่เหลือเป็นรถยนต์ไฟฟ้า ค่ายรถเบอร์หนึ่งของโลกระบุว่าระบบไฮบริดมีความสำคัญต่อการมุ่งสู่การมีมลพิษเป็นศูนย์และมีข้อได้เปรียบเหนือกว่ารถยนต์ไฟฟ้าที่ยังมีราคาแพงและขาดแคลนจุดชาร์จไฟ

ขณะที่ Honda Motor ระบุว่าจะจัดจำหน่ายรถยนต์ไฟฟ้าและฟิวเซลเท่านั้นภายในปี 2040 พวกเขาเป็นบริษัทรถยนต์จากญี่ปุ่นรายแรกที่ออกมายืนยันว่าจะไม่ทำตลาดรถเครื่องยนต์สันดาปในอนาคต

นักวิเคราะห์มีความเห็นแตกออกเป็นสองฝ่าย บางส่วนมองว่าแผนงานของ Toyota มีความเป็นไปได้มากกว่า ขณะที่อีกหลายคนชี้ว่าแผนนโยบายของ Honda ดูดีกว่าในแง่ของการมุ่งสู่เป้าหมาย

Toyota ขอใช้ทางเลือกหลากหลาย

โคอิจิ ซูกิโมโตะ นักวิเคราะห์อาวุโสจากบริษัทหลักทรัพย์ Mitsubishi UFJ Morgan Stanley Securities ให้ความเห็นว่า Toyota กำลังวากรากฐานทางเทคโนโลยีพร้อมกับรักษาความยืดหยุ่นในการดำเนินงาน แต่ปัจจัยสำคัญอยู่ที่การรับมือกับความผันผวนในธุรกิจรถยนต์ รวมถึงการคาดการณ์ความต้องการของผู้บริโภคในอนาคต

ก่อนหน้านี้ Toyota พยายามเน้นย้ำว่าพวกเขาไม่ต้องการจำกัดแนวทางการพัฒนารถยนต์ที่มุ่งสู่มลพิษเป็นศูนย์ ดังนั้นจะไม่มุ่งเน้นแค่รถยนต์ไฟฟ้า 100% แต่จะให้ความสำคัญกับรถไฮบริดและปลั๊กอินไฮบริดด้วย 

“เป้าหมายของเราไม่ได้อยู่ที่การใช้ระบบขับเคลื่อนไฟฟ้า 100% แต่คือการมุ่งสู่การมีคาร์บอนเป็นศูนย์ภายในปี 2050 ดังนั้น เราคิดว่าควรมีทางเลือกทางเทคโนโลยีที่หลากหลาย”  จุน นากาตะ ผู้อำนวยการฝ่ายสื่อสารองค์กรของ Toyota กล่าว

ที่ผ่านมา Toyota ได้ชื่อว่าเป็นผู้บุกเบิกตลาดรถยนต์ไฮบริดด้วยการนำเสนอ Prius (โตโยต้า พริอุส) ในปี 1997 และนั่นทำให้พวกเขาเป็นผู้นำตลาดรถยนต์ไฮบริดระดับโลกในปัจจุบัน 

นอกจากรถยนต์ไฮบริด ปลั๊กอินไฮบริด และรถยนต์ไฟฟ้าแล้ว Toyota ยังให้ความสำคัญกับการใช้เชื้อเพลิงไฮโดรเจนอีกด้วย ล่าสุดพวกเขายังเพิ่งประกาศว่าจะส่งรถไฮโดรเจนเข้าร่วมแข่งขันรายการมอเตอร์สปอร์ตเพื่อโปรโมทเชื้อเพลิงประเภทนี้

ด้าน Honda ขอโฟกัสไปที่รถยนต์ไฟฟ้าเต็มตัว

Honda ประกาศเป้าหมายชัดเจนว่าจะเลิกทำตลาดรถเครื่องยนต์สันดาปทั่วโลกภายในปี 2040 โดยภายในปี 2030 รถยนต์กว่า 40% จะใช้ระบบไฟฟ้าเต็มรูปแบบและไฮโดรเจนฟิวเซล ก่าอนจะเพิ่มเป็น 80% ในปี 2035 และ 100% ในปี 2040 ตามเป้าหมายหลัก

ซันชิโร ฟูกาโอะ นักวิเคราะห์ของสถาบัน Itochu Analysis มองว่าแผนงานของ Honda มีความเป็นไปได้มากกว่า และสอดคล้องกับกรอบเวลาที่จะต้องเปลี่ยนผ่านจากเครื่องยนต์สันดาปไปสู่ระบบขับเคลื่อนไฟฟ้า 100% เพื่อลดมลพิษ

“ความสำเร็จของการบรรลุเป้าหมายขึ้นอยู่กับว่าบริษัทรถยนต์จะรับมือกับกฎระเบียบและนโยบายการเมืองในแต่ละประเทศอย่างไร” ฟูกาโอะ กล่าว พร้อมยกตัวอย่างว่าสหภาพยุโรปกำลังจะออกกฎหมายประเมินการปล่อยก๊าซคาร์บอนจากกระบวนการผลิตแบตเตอรี่ และยังเตรียมมีนโยบายพรมแดนคาร์บอนที่จะทำให้การนำเข้า (จากญี่ปุ่น) มีค่าใช้จ่ายสูงขึ้น ขณะที่สหรัฐอเมริกาก็กำลังเดินตามรอยยุโรปเช่นกัน

Honda มีแผนรับมือกฎระเบียบข้างต้นไว้แล้วด้วยการสร้างกระบวนการรีไซเคิลวัสดุสำหรับผลิตรถยนต์ไฟฟ้า รวมถึงชุดแบตเตอรี่ ยิ่งทำได้เร็วเท่าไหร่ยิ่งมีข้อได้เปรียบมากขึ้นเท่านั้นในอนาคต Honda ยังเพิ่งจับมือเป็นพันธมิตรกับ CATL และกำลังก่อสร้างโรงงานในเยอรมนีที่จะอยู่ภายใต้กฎระเบียบใหม่ของสหภาพยุโรป

อากิโอะ โตโยดะ ประธานกรรมการ Toyota

แล้วนโยบายของฝ่ายใดได้เปรียบ?

อากิโอะ โตโยดะ ประธานกรรมการ Toyota และประธานสมาคมผู้ผลิตรถยนต์ของญี่ปุ่นไม่เห็นด้วยกับนโยบายของรัฐบาลญี่ปุ่นที่เล็งแบนรถเครื่องยนต์สันดาปภายในปี 2030 โดยอ้างว่าจะจำกัดเทคโนโลยีที่ยังใช้เครื่องยนต์สันดาป (อย่างไฮบริดและปลั๊กอินไฮบริด) ไม่ให้มีการเติบโต 

“การกำหนดเป้าหมายคาร์บอนเป็นศูนย์ไม่ใช่การโปรโมทรถยนต์ไฟฟ้าและรถไฮโดรเจน เราต้องไม่บิดเบือนเป้าหมายดังกล่าว” โตโยดะ กล่าวเพิ่มเติม

โทชิฮิโระ มิเบะ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของ Honda

ขณะที่โทชิฮิโระ มิเบะ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของ Honda ยืนยันว่าบริษัทฯ ภายใต้การนำของเขาจะมุ่งสู่การสร้างรถยนต์ที่มีมลพิษเป็นศูนย์โดยไม่ต้องคำนึงว่านโยบายของรัฐบาลเป็นเช่นไร

“การสร้างธุรกิจที่มีมลพิษเป็นศูนย์ภายในปี 2050 หมายความว่ารถยนต์ที่ออกจำหน่ายก่อนปี 2040 จะต้องไม่มีมลพิษแล้ว นั่นคือจะต้องใช้พลังงานไฟฟ้า 100% เพราะลูกค้าจะต้องใช้งานไปอีกนับ 10 ปี” มิเบะกล่าว พร้อมกับชี้ว่าเทคโนโลยีทางเลือกใหม่อาจถือกำเนิดขึ้นในอนาคตเมื่อมีความก้าวหน้าด้านการวิจัยและพัฒนา

นักวิเคราะห์ ฟูกาโอะ มองว่า เมื่อรถยนต์ไฟฟ้ากลายเป็นกระแสหลักในอนาคต ผู้ขับขี่ทุกคนก็จะต้องเปลี่ยนจากรถไฮบริดหรือปลั๊กอินไฮบริดไปเป็นอีวี ถึงเวลานั้น รถประเภทอื่นที่ไม่ใช่อีวีก็แทบจะไม่มีมูลค่าในตลาด  ขณะที่บริษัทรถยนต์เองก็จะต้องถูกกดดันอย่างต่อเนื่องให้ส่งเสริมรถอีวี และอาจจะต้องล้มหายตายจากไปหากไม่ได้จำหน่ายรถอีวี

พูดง่าย ๆ ก็คือ นักวิเคราะห์ชี้ว่า Toyota จะได้เปรียบในเรื่องการสร้างผลกำไรในระยะสั้นถึงกลาง ส่วน Honda เล็งสร้างความสำเร็จในระยะยาวซึ่งดูมีความเป็นไปได้มากกว่า 

    Channel:
ติดตามพวกเราได้ที่:
May

นักเขียนอาวุโส

อดีตนักข่าว เอเจนซี่ และฟรีแลนซ์ฝีมือเยี่ยม ที่นำประสบการณ์ร่วม 20 ปีมาถ่ายทอดคอนเทนท์และประเด็นข่าวในวงการยานยนต์ทั้งไทยและเ...

พร้อมจัดการซื้อ-ขายรถได้ภายใน 24 ชั่วโมง

ผู้ใช้ แลกรถในฝันแล้ว
เพิ่มรถของคุณ

แลก

Honda Accord

ขายรถมือสอง

ตรวจสภาพรถ 175 จุด

รับประกันคืนเงินภายใน 30 วัน

การรับประกัน 1 ปี

ราคาคงที่ ไม่มีค่าธรรมเนียมแอบแฝง

ดูเพิ่มเติม

วีดีโอสั้นที่เกี่ยวข้อง

ข่าวล่าสุด

Mitsubishi ลงทุนผลิตเครื่อง 4N16 Hyper Power ใหม่ ให้ใช้งานได้เกิน 400,000 กม.ขึ้นไป

การผลิตเครื่องยนต์ใหม่ 2.4 ลิตร ไฮเปอร์ พาวเวอร์ รุ่นใหม่ ถึงขั้นต้องปรับปรุงโรงงานขนานใหญ่ ให้เป็นไปตามมาตรฐานญี่ปุ่น ซึ่งจะทำให้การประกอบเครื่องยนต์มีความสมบูรณ์แบบมากที่สุด พร้อมเผยเคล็ดลับความทนทานของเครื่อง 4n16 ใหม่ในรถ 2023 Mitsubishi Triton (มิตซูบิชิ ไทรทัน) โฉมล่าสุด เปลี่ยนสายพานการผลิตเครื่องยนต์ มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ประเทศไทย ยกระดับสายการผลิตให้ all-new Triton ต้อนรับการมาของรถรุ่นใหม่ และเครื่องยนต์ใหม่ 2.4 ลิตร ไฮเปอร์ พาวเวอร์ โดยใช้หุ่นยนต์อันทันสมัยมากกว่า 250 ตัว ทำหน้าที่ในการ

Mercedes-Benz เตรียมใช้แบตเตอรี่ Blade ของ BYD ในรถอีวี

Mercedes-Benz (เมอร์เซเดส-เบนซ์) ตกเป็นข่าวว่าเตรียมหยิบยืมเทคโนโลยี Blade Battery ของ BYD มาใช้ในรถยนต์ไฟฟ้าของตนเอง สำนักข่าว CBEA ของจีนรายงานโดยอ้างแหล่งข่าววงในว่า รถยนต์รุ่นแรกของ Mercedes-Benz ที่จะใช้แบตเตอรี่ของ BYD คือ All-New CLA รุ่นใหม่ที่สร้างบนแพลตฟอร์ม 800V MMA แต่ยังไม่มีความชัดเจนว่าจะเป็นเวอร์ชั่นที่จำหน่ายในจีนเท่านั้นหรือในต่างประเทศด้วย ข่าวดังกล่าวแพร่สะพัดตั้งแต่ต้นเดือนกันยายนที่ผ่านมา สำนักข่าว CBEA รายงานด้วยว่าค่ายรถยักษ์เยอรมันจะเริ่มต้นการผลิตรถยนต์ไฟฟ้ารุ่นใหม่ที่ใ

ส่อง MG ZS 7 คัน มือสองดาวน์น้อย ผ่อนสบาย จากทาง CARSOME

วันนี้ เราเอาใจคนรักครอบครัวที่กำลังหาซื้อรถมือสอง ด้วย MG ZS มือสอง คุณภาพเยี่ยมถึง 7 คันพร้อมโปรโมชันสุดปังอย่าง CARSOME Easy Sale ดาวน์น้อย ผ่อนง่าย จ่ายไหว ที่ให้ทุกคนผ่อนรถมือสองได้ง่ายๆ เริ่มต้นเพียง 4,xxx บาทต่อเดือน แถมยังมียอดดาวน์น้อย จ่ายได้สบายกระเป๋า แถมมีสิทธิ์เป็นผู้โชคดี ได้เงินคืนรวม 5 แสนบาท*** พร้อมความคุ้มค่าแบบจุกๆ อีกเพียบ ที่สำคัญ ยังมั่นใจได้ว่า รถมือสองทุกคันจาก แพลตฟอร์มซื้อ-ขายรถยนต์มือสองออนไลน์ที่ใหญ่ที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ อย่าง CARSOME ยัง ผ่านการตรวจเช็กอย่

Honda ยืนยันร่วมใช้เทคโนโลยีชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าของ Tesla

Honda (ฮอนด้า) เป็นบริษัทรถยนต์รายล่าสุดต่อจาก Ford และ General Motors ที่จะใช้เทคโนโลยีชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าของ Tesla สำนักข่าว Asahi ของประเทศญี่ปุ่นรายงานว่า Honda ประกาศยืนยันอย่างเป็นทางการแล้วว่าจะใช้พอร์ทชาร์จไฟเร็วของ Tesla ในรถยนต์ไฟฟ้าที่จะออกจำหน่ายในภูมิภาคอเมริกาเหนือตั้งแต่ปี 2025 เป็นต้นไป ก่อนหน้านี้ Ford และ General Motors ประกาศนโยบายคล้ายคลึงกันหลังบรรลุข้อตกลงกับ Tesla ในเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา ขณะที่ Rivian อีกหนึ่งบริษัทรถยนต์สัญชาติอเมริกันก็จะเดินตามรอยด้วยเช่นกัน นักวิเคราะห์เ

วิศวกร Honda พัฒนาระบบป้องกันเมาหัวในรถยนต์ไฟฟ้าที่มีอัตราเร่งทันใจ

ทีมงานฝ่ายวิศวกรรมของ Honda (ฮอนด้า) พัฒนาระบบควบคุมอัตราเร่งในรถยนต์ไฟฟ้าที่ช่วยป้องกันไม่ให้เกิดอาการเวียนหัวหรือเมารถ เป็นที่ทราบกันดีว่าอัตราเร่งของรถยนต์ไฟฟ้าที่มีแรงบิดให้ใช้แบบทันทีทันใดนั้นตอบสนองต่อเท้าขวาของผู้ขับขี่ได้เป็นอย่างดี แต่อาจจะไม่ถูกใจผู้โดยสารที่นั่งอยู่บนเบาะหน้าข้างคนขับหรือเบาะหลังเท่าใดนัก ธรรมชาติของรถยนต์ไฟฟ้านั้นทำงานด้วยความเงียบสงบ ราบรื่น ปราศจากเสียงเครื่องยนต์รบกวน แต่อัตราเร่งที่เกิดขึ้นแบบกระทันหันอาจส่งผลต่อประสาทรับรู้การเคลื่อนไหวของหูชั้นในที่ทำงานไม่ประส

รถแนะนำสำหรับคุณ

ยอดนิยมล่าสุดอัพเดท
ฮิต
MG

MG ZS

THB 689,000 - 799,000

ชมรุ่นรถ
MG

MG Maxus 9

THB 2,499,000 - 2,699,000

ชมรุ่นรถ
MG

MG ES

THB 959,000

ชมรุ่นรถ
Honda

Honda WR-V

THB 799,000 - 869,000

ชมรุ่นรถ
รุ่นใหม่
BMW

BMW X7

THB 5,999,000 - 8,959,000

ชมรุ่นรถ
BMW

BMW XM

THB 14,899,000

ชมรุ่นรถ
GAC

GAC Aion Y Plus

THB 1,069,900 - 1,299,900

ชมรุ่นรถ
Toyota

Toyota Vellfire

THB 4,129,000

ชมรุ่นรถ
Subaru

Subaru Levorg

THB 1,890,000

ชมรุ่นรถ
Mercedes-Benz

Mercedes-Benz Sprinter

THB 3,790,000

ชมรุ่นรถ