เผย Wuling ขาย Mini EV ได้กำไรต่อคันน้อยจนอึ้ง แต่ทำไมยังไม่เลิกทำตลาด?

Wuling Mini EV (วู่หลิง มินิ อีวี) คือรถยนต์ไฟฟ้าที่มียอดขายสูงที่สุดในประเทศจีนในปี 2020 ที่ผ่านมา สามารถโค่น Tesla (เทสล่า) ลงได้อย่างไม่สร้างความประหลาดใจเท่าใดนัก

ยอดขายถล่มทลายกว่า 400,000 คันนับตั้งแต่เปิดตัวของรถยนต์ไฟฟ้าคันจิ๋ว Mini EV ไม่ได้ทำให้ผู้คนเซอร์ไพรส์เพราะปัจจัยหลักมาจากการกำหนดราคาจำหน่ายที่ย่อมเยาอย่างมากในตลาดบ้านเกิด โดยเคาะเริ่มต้นที่ 28,800 หยวนหรือประมาณ 144,000 บาทเท่านั้น

ด้วยราคาค่าตัวดังกล่าวบวกกับการนำเสนอสีสันตัวถังหลากหลายรูปแบบทำให้ Mini EV ไม่ได้เป็นแค่รถยนต์ไฟฟ้าธรรมดา แต่ยังกลายเป็น “สินค้าไลฟ์สไตล์” ที่ถูกอกถูกใจผู้ใช้รถยนต์สุภาพบุรุษและสุภาพสตรีอย่างเท่าเทียมกัน จึงทำให้ตัวเลขยอดขายเติบโตอย่างต่อเนื่อง

อ่านเพิ่มเติม: เปิดกลยุทธ์ Wuling แจ็คผู้ฆ่ายักษ์ Tesla กับสุดยอดมาร์เกตติ้งระดับผู้นำตลาด

คำถามคือ Wuling ได้กำไรคันละเท่าไหร่?

เว็บไซต์ Xcar ในแดนมังกร รายงานว่า Wuling ทำกำไรจากการขาย Mini EV แต่ละคันได้ที่ 89 หยวน คิดเป็นเงินไทยอยู่ที่เพียง 447 บาทต่อคันเท่านั้น

สัดส่วนกำไรจากการขายรถ Mini EV แต่ละคันไม่ถึง 1% ของต้นทุน หรือสามารถพูดได้ว่าแทบไม่มีกำไรจากการขายรถยนต์ไฟฟ้ารุ่นนี้เลย

อย่างไรก็ตาม หากนำยอดขายกว่า 400,000 คันมาคำนวณผลกำไรรวมทั้งหมดแล้วจะพบว่าอยู่ที่ 35.6 ล้านหยวนหรือประมาณ 180 ล้านบาท ตัวเลขดังกล่าวฟังดูน่าพึงพอใจขึ้นมาบ้าง แต่ก็ยังถือว่าน้อยนิดเมื่อเทียบกับเม็ดเงินลงทุนและค่าใช้จ่ายในการบริหารจัดการด้านอื่น ๆ ของบริษัทรถยนต์

รายงานข่าวระบุว่า ผลกำไรของ Mini EV อาจเป็นเพียงแค่ “ยอดภูเขาน้ำแข็ง" เท่านั้น เนื่องจาก Wuling ซึ่งเป็นบริษัทร่วมทุนกับยักษ์อเมริกันอย่าง General Motors หรือ GM ยังมีผลิตภัณฑ์อีกหลายรุ่นที่จะสร้างผลกำไรให้พวกเขาได้เป็นกอบเป็นกำ

การจำหน่าย Mini EV ยังช่วยสร้างแบรนด์ให้ Wuling ติดตลาดรถยนต์ไฟฟ้าและเป็นที่จดจำในกลุ่มผู้บริโภควงกว้างเพราะวิ่งกันเกลื่อนทั่วเมืองใหญ่ในจีน อีกทั้งการได้ชื่อว่าเป็น "ผู้โค่น Tesla" ในด้านยอดขาย ก็สร้างชื่อเสียงให้อีกทางหนึ่ง 

ที่สำคัญยิ่งกว่านั้นคือ Mini EV จะช่วยให้ทั้ง Wuling และ GM ได้รับเครดิตรถพลังงานทางเลือกตามกฎหมายของรัฐบาลจีน โดยการขาย Mini EV แต่ละคันมีมูลค่าเครดิตประมาณ 3,000 หยวนซึ่งจะช่วยชดเชยการจำหน่ายรถเครื่องยนต์สันดาปในตลาดประเทศจีนได้อีกทางหนึ่ง

ทั้งนี้ Mini EV ขับเคลื่อนด้วยมอเตอร์ไฟฟ้าขนาด 13 กิโลวัตต์หรือ 17.4 แรงม้า แบตเตอรี่มีทั้งขนาด 9.2 กิโลวัตต์ชั่วโมงและ 13.8 กิโลวัตต์ชั่วโมง มีระยะทางขับเคลื่อนไกล 120 – 170 กม.ต่อการชาร์จไฟหนึ่งครั้ง และสามารถทำความเร็วสูงสุดได้ที่ 100 กม.ต่อชม.

ราคาจำหน่ายของ Mini EV ในประเทศไทยอยู่ที่ 369,000 บาท สูงกว่าในตลาดบ้านเกิด แต่ก็ถือว่าย่อมเยาพอสมควรเมื่อเทียบกับรถยนต์ไฟฟ้ารุ่นอื่น ๆ ในเมืองไทย สำหรับยอดขายในบ้านเราจะเป็นอย่างไรนั้น เราจะติดตามข่าวคราวความเคลื่อนไหวมารายงานให้ทราบกันอีกครั้ง