Wuling Mini EV (วู่หลิง มินิ อีวี) คว้าแชมป์ยอดขายรถยนต์ไฟฟ้าครึ่งปีแรกของจีนได้เรียบร้อยแล้ว มีแนวโน้มสูงที่จะสามารถการรักษาตำแหน่งผู้นำได้อีกครั้งเมื่อสิ้นสุดปี 2021
ยอดขายของ Mini EV หรือขายในจีนภายใต้ชื่อ Hongguang MINI EV ในเดือนมิถุนายนอยู่ที่ 29,143 คัน ถึงแม้ตัวเลขดังกล่าวจะสูงมากแต่ยังไม่เต็มกำลังการผลิตเพราะมีรายงานว่า Wuling สามารถผลิตรถยนต์ไฟฟ้ารุ่นนี้ได้มากถึง 50,000 คันต่อเดือนเลยทีเดียว
แต่กระนั้น Mini EV ก็มียอดขายได้สูงที่สุด เหนือกว่าอันดับ 2 และ 3 อย่าง Tesla Model 3 (เทสล่า โมเดล 3) และ Tesla Model Y (เทสล่า โมเดล วาย) ที่ทำยอดขายได้ในเดือนมิถุนายนที่ผ่านมาได้ที่ 16,515 คันและ 11,623 คันตามลำดับ
Mini EV สามารถกวาดยอดขายได้อย่างน่าประทับใจจนขึ้นแท่นแชมป์ยอดขายรถยนต์ไฟฟ้าได้สำเร็จในปี 2020 ส่วนในปี 2021 นี้คาดว่าพวกเขาจะรักษาตำแหน่งผู้นำไว้ได้อีกครั้งหลังสามารถทำยอดขายสะสมครึ่งปีแรกได้ที่ 157,939 คัน ซึ่งเท่ากับขายได้เฉลี่ยเดือนละกว่า 26,000 คัน
ขณะที่รถยนต์ไฟฟ้าที่ทำยอดขายสะสม 6 เดือนแรกของปีนี้อยู่ในอันดับสองคือ Model 3 มียดขายอยู่ที่ 84,845 คัน และอันดับสามได้แก่ Model Y ทำได้ 46,180 คัน
ที่น่าสนใจก็คือ รถยนต์ไฟฟ้าที่ทำยอดขายอยู่ใน 10 อันดับแรกที่เหลือล้วนเป็นรถเจ้าถิ่นทั้งสิ้น ไม่ว่าจะเป็น BYD Han EV, GAC Aion S, Great Wall ORA R1 และ Chery eQ เป็นต้น
อย่างไรก็ตาม ยอดขายรถยนต์ไฟฟ้า Mini EV ในช่วง 6 เดือนแรกของปีนี้ยังทำได้แค่อันดับหกเมื่อเทียบกับยอดขายรถยนต์ทั้งตลาดที่รวมรถเครื่องยนต์สันดาปด้วย โดยอันดับหนึ่งเป็นของ Nissan Sylphy (นิสสัน ซิลฟี่) มียอดขายถึง 250,921 คัน ส่วนอันดับสองคือ Volkswagen Lavida ทำตัวเลขได้ที่ 217,783 คัน และอันดับสามคือ Toyota Corolla (โตโยต้า โคโรลล่า) ทำยอดขายได้ 177,592 คัน
Mini EV ถือเป็นรถขนาดมินิสมชื่อด้วยมิติตัวถังที่มีความยาวเพียง 2,917 มม. กว้าง 1,493 มม. และสูง 1,621 มม. พร้อมกับมีระยะฐานล้อ 1,940 มม. เท่านั้น
ตัวถังที่เล็กมาพร้อมระบบขับเคลื่อนขนาดกะทัดรัด ติดตั้งมอเตอร์ไฟฟ้าตัวเดียว มีพละกำลังอยู่ระหว่าง 17 – 26 แรงม้า ขณะที่แบตเตอรี่มีสองขนาดให้เลือกคือ 9.2 กิโลวัตต์ชั่วโมงและ 13.8 กิโลวัตต์ชั่วโมง โลดแล่นได้ไกล 120 กม. และ 170 กม. ต่อการชาร์จไฟหนึ่งครั้งตามลำดับ
อ็อปชั่นภายในห้องโดยสารมีแค่พอใช้งาน พื้นที่จัดเก็บสัมภาระเมื่อพับเบาะแถวหลังลงอยู่ที่ 741 ลิตร ถือว่าน้อยมาก ไม่ได้โดดเด่นอะไรแต่ก็เป็นไปตามขนาดตัวถังรถ
แต่ไฮไลท์ของ Mini EV คือการถูกวางตำแหน่งการตลาดให้เป็น “สินค้าแฟชั่น” ไม่ได้เป็นแค่รถยนต์ทั่วไป จึงถูกใจหนุ่มสาวคนรุ่นใหม่ในแดนมังกรที่มักซื้อรถยนต์รุ่นจิ๋วโมเดลนี้ก่อนจะเลือกตกแต่งตัวถังภายนอกและในห้องโดยสารตามความต้องการ
ที่สำคัญ Mini EV ยังมีราคาเริ่มต้นเพียง 4,500 เหรียญสหรัฐหรือประมาณ 1.4 แสนบาทเท่านั้น ขณะที่รุ่นอัพเกรดอย่าง Macaron ขยับขึ้นไปที่ 6,000 เหรียญสหรัฐหรือ 1.8 แสนบาท ถือว่าย่อมเยาอย่างมากและเอื้อมถึงได้ง่ายสำหรับคนทั่วไป โดยเฉพาะคนรุ่นใหม่วัยเริ่มทำงาน
ตรวจสภาพรถ 175 จุด
รับประกันคืนเงินภายใน 30 วัน
การรับประกัน 1 ปี
ราคาคงที่ ไม่มีค่าธรรมเนียมแอบแฝง
{{variantName}}
{{carMileage}} กม.
{{registrationYear}} ปี
{{storeCity}}