เอาจริงแล้วนะ! Toyota ประกาศทุ่ม 4 แสนล้านบาทพัฒนาแบตเตอรี่ แต่ไม่ใช่แค่รถอีวี!?

Toyota (โตโยต้า) ประกาศทุ่มงบประมาณมหาศาล 1.4 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐหรือประมาณ 4.5 แสนล้านบาทพัฒนาแบตเตอรี่รถยนต์ไฮบริดและรถยนต์ไฟฟ้าภายในปี 2030

ค่ายรถยักษ์ใหญ่จากญี่ปุ่นไม่ได้เปิดเผยแผนการลงทุนโดยละเอียดและไม่ได้ยืนยันแผนการผลิตแบตเตอรี่ แต่สำนักข่าว Nikkei รายงานว่าเงินลงทุนส่วนใหญ่จะถูกใช้ในการขยายการผลิตในสหรัฐอเมริกาและจีน ส่วนในญี่ปุ่น พวกเขาจะขยายความร่วมมือกับ Panasonic ผู้ผลิตแบตเตอรี่ยักษ์ใหญ่

ก่อนหน้านี้ Toyota เน้นย้ำหลายครั้งหลายหนว่าพวกเขาไม่ได้ให้ความสำคัญไปที่รถยนต์ไฟฟ้า 100% อย่างเดียว แต่ยังมุ่งเน้นไปที่รถยนต์ไฮบริดและปลั๊กอินไฮบริดด้วย ซึ่งแตกต่างจากค่ายรถอีกหลายรายที่ประกาศว่ารถอีวีคือเป้าหมายหลักในอนาคต

โฟกัสที่แบตเตอรี่ลิเธียม-ไอออนและโซลิดสเตท

คณะผู้บริหารของ Toyota คาดการณ์ว่าต้นทุนการผลิตแบตเตอรี่จะลดลงครึ่งหนึ่งหลังจากปี 2025 และคาดว่าแบตเตอรี่แบบแข็งหรือโซลิดสเตทจะเริ่มติดตั้งใช้งานในรถโปรดักชั่นได้ก่อนปี 2030 หลังจากพวกเขาเริ่มทดสอบรถยนต์ไฟฟ้าที่ใช้แบตเตอรี่ดังกล่าวตั้งแต่ปี 2020

มาซาฮิโกะ มาเอดะ รองประธานเจ้าหน้าที่บริหารฝ่ายเทคโนโลยี กล่าวว่า บริษัทฯ กำลังพิจารณาใช้แบตเตอรี่โซลิดสเตทไม่เพียงในรถยนนต์ไฟฟ้า แต่ในรถยนต์ไฮบริดด้วยเช่นกัน แต่ขึ้นอยู่กับความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีว่าจะสามารถพัฒนาแบตเตอรี่แบบแข็งที่มีความสมดุลด้านกำลังไฟฟ้าและเสถียรภาพในการใช้งานมากน้อยเพียงใด

ขณะเดียวกัน Toyota ยังวางแผนพัฒนาแบตเตอรี่ลิเธียม-ไอออนเจนเนอเรชั่นใหม่ควบคู่กันไปด้วย โดยคาดว่าหลังจากปี 2025 รถยนต์ที่ใช้แบตเตอรี่รุ่นใหม่ดังกล่าวจะมีสมรรถนะสูงขึ้นและมีต้นทุนต่ำลง

“ด้วยการสร้างระบบขับเคลื่อนหลากหลายรูปแบบ เราจะส่งเสริมการใช้งานรถยนต์ที่มีระบบขับเคลื่อนไฟฟ้า ทั้งไฮบริดและรถยนต์ไฟฟ้า 100% ควบคู่กันไป” มาเอดะ กล่าวเพิ่มเติม

ไม่เพียงเท่านั้น Toyota ยังต้องการยืดอายุการใช้งานแบตเตอรี่นิกเกิล-เมทัล ไฮดรายที่ถูกใช้งานมานานกว่าด้วยการใช้โครงสร้างแบบ “ไบโพลาร์” ทำให้มีความหนาแน่นของพลังงานมากขึ้น โดยแบตเตอรี่ประเภทดังกล่าวเพิ่งติดตั้งอยู่ใน 2021 Toyota Aqua รถยนต์ไฮบริดขนาดเล็กที่เปิดตัวออกจำหน่ายในญี่ปุ่นเมื่อเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา

เป้าหมายสูงสุดของ Toyota คือการสร้างซัพพลายแบตเตอรี่ให้ได้ถึง 200 กิกะวัตต์ภายในปี 2030 ซึ่งเพิ่มขึ้นจากเป้าหมายเดิมที่ 180 กิกะวัตต์ ศักยภาพดังกล่าวจะทำให้ค่ายรถยักษ์ญี่ปุ่นสามารถจำหน่ายรถยนต์ที่มีระบบขับเคลื่อนไฟฟ้าได้มากถึง 8 ล้านคันในปี 2030

“เราให้ความสำคัญกับความปลอดภัย คุณภาพขั้นสูง ค่าใช้จ่ายที่ต่ำ และการใช้งานที่ยาวนาน Toyota มุ่งเน้นพัฒนาแบตเตอรี่ที่ลูกค้าสามารถใช้ได้อย่างอุ่นใจตลอดเวลา” มาเอดะ กล่าวปิดท้าย