ขนาดของล้อ ส่งผลต่อระยะการวิ่งมากแค่ไหน ทดสอบมาแล้วใน Tesla Model Y

ทุกท่านคงอาจทราบกันมาบ้าง ว่าจริง ๆ แล้ว ขนาดของล้อและยางนั้น ส่งผลต่อการการเคลื่อนที่ของรถยนต์อยู่บ้าง รวมถึงมีผลต่ออัตราการประหยัดน้ำมัน แม้เพียงจะเล็กน้อยก็ตามในเครื่องยนต์สันดาปภายใน 

แล้วถ้าเป็นรถยนต์ไฟฟ้า จะเป็นอย่างไรบ้าง? ได้มีเจ้าของรถยนต์ Tesla (เทสล่า) ทดสอบมาให้ดูแล้วใน Tesla Model Y (เทสล่า โมเดล วาย) Long Range

โดยยูทูบเบอร์นาม Tesla Canuck ได้ทำการทดสอบ Tesla Model Y Long Range 2 คัน ที่ใช้ล้อจากโรงงานทั้งคู่ โดยคันแรกใส่ล้อขนาด 20 นิ้ว ที่เป็นออพชั่นให้เลือกเพิ่มเติมได้ในราคา 2,000 ดอลลาร์ (65,000 บาท) ส่วนอีกคันใส่ล้อมาตรฐานขนาด 19 นิ้ว

โดยรถยนต์ไฟฟ้าทั้ง 2 คันจะเดินทางไปพร้อมกัน ใช้เส้นทางเดียวกันที่ระยะ 50 กิโลเมตร ในความเร็วที่เท่ากัน รวมถึงสภาพเดียวกันด้วย ซึ่งโดยปกติแล้ว Tesla Model Y ตามที่สํานักงานปกป้องสิ่งแวดล้อมสหรัฐอเมริกาทดสอบมา จะมีระยะการวิ่ง/ชาร์จอยู่ที่ประมาณ 524 กิโลเมตร

เห็นผลชัดเจน

เมื่อทำการวิ่งเสร็จแล้ว ได้มีการเช็คผ่านแอพ TezLab เพื่อตรวจสอบข้อมูลเกี่ยวกับระยะทาง โดยจากผลการทดสอบ Tesla Model Y ที่ใส่ล้อขนาด 19 นิ้ว นั้นแม้จะใช้ระยะทางมากกว่า 1.2 กิโลเมตร แต่ก็ไม่ได้ส่งผลต่อการทดสอบแต่อย่างใด 

โดยเมื่อผลออกมา คันที่มีล้อใหญ่กว่า ใช้ระยะทางไปมากกว่าล้อเล็ก 3.6 กิโลเมตร หรือมากกว่า 6.9%

นั้นหมายความว่า คันที่มีล้อเล็กกว่า จะสามารถเดินทางได้ไกลกว่า 36 กม. มีประสิทธิภาพมากกว่าคันที่ใส่ล้อขนาด 20 นิ้วถึง 20%

อ่านเพิ่มเติม คนเดินถนน-ขี่จักรยานควรระวัง Tesla Model 3 คะแนนทดสอบการชนน้อยกว่าที่คาด

เป็นไปได้อย่างไร?

ชนิดของยาง ความกว้าง รวมถึงขนาดของล้อนั้น ล้วนแล้วแต่ส่งผลแต่เครื่องยนต์สันดาป แต่จะสามารถเห็นได้ชัดขึ้นเมื่อเป็นรถยนต์ไฟฟ้า มีงานวิจัยกล่าวว่า แม้ความกว้างของยาง จะเพิ่มขึ้นเพียงแค่ 48.8% หรือ 205 ถึง 305 มม. ก็จะเพิ่มแรงต้าน ทำให้รถยนตืไฟฟ้าสามารถเสียระยะทาง 3 กม. ได้

รวมถึงความสูงของยาง ที่เพิ่มมา 28.6% ก็จะเพิ่มระยะทางไป 15% รวมถึงที่สำคัญอีกปัจจัยก็คือลมยาง ซึ่งถ้าหากแรงดันลมยางไม่เพียงพอ ก็จะเพิ่มการใช้พลังงาน เพราะพื้นที่การยึดเกาะของล้อเพิ่มขึ้น

ขนาดล้อก็สำคัญ

ในเรื่องของขนาดล้อ ล้อที่ใหญ่กว่านั้น จะมีเส้นรอบวงที่มากกว่า รวมถึงใช้ยางที่มีขนาดใหญ่กว่าเพื่อให้มีเส้นรอบวงที่เท่ากัน

เช่นนี้ เมื่อล้อหมุน 1 รอบก็จะมีระยะที่ไม่เท่ากัน ล้อที่ใหญ่กว่าจะต้องใช้รอบการหมุนที่มากกว่า รวมถึงยางที่มีขนาดกว้างกว่า จะเกิดแรงต้านได้เยอะกว่าล้อขนาดเล็ก ส่งผลให้ต้องเร่งตามมากขึ้น เพื่อที่จะให้ได้ระยะที่เท่ากันนั้นเอง

อ่านเพิ่มเติม สมรรถนะสุดโหดของ Tesla เข้านิยาม "รถอเมริกันมัสเซิลคาร์" ยุคใหม่แล้วหรือยัง?