Volvo Cars (วอลโว่) ตกเป็นข่าวว่ากำลังเตรียมประกาศขายหุ้นสู่สาธารณชนครั้งแรก (IPO) ในเร็ว ๆ นี้ พร้อมการคาดการณ์มูลค่าบริษัทที่มหาศาลถึง 2.5 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐ
ตัวเลขมูลค่าบริษัทข้างต้นถือว่าเติบโตอย่างพุ่งทะยาน เพราะในยุคที่ยังอยู่ใต้ปีกของ Ford Motor มูลค่าบริษัท Volvo อยู่ที่เพียง 1.8 พันล้านเหรียญสหรัฐ แต่ในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา ธุรกิจของค่ายรถยักษ์ใหญ่จากสวีเดนเติบโตอย่างก้าวกระโดดเมื่อถูกซื้อโดย Zhejiang Geely Holding Group Co กลุ่มทุนหนาปึ๊กจากจีน
ยอดขายส่วนใหญ่ของ Volvo มาจากตลาดยุโรปและจีน พวกเขาประสบความสำเร็จอย่างยอดเยี่ยมในช่วง 4-5 ปีที่ผ่านมาถึงแม้จะต้องเผชิญกับวิกฤตการแพร่ระบาดของไวรัสสายพันธุ์ใหม่ก็ตาม
รายงานข่าวระบุว่า Volvo อาจประกาศการทำ IPO อย่างเป็นทางการในตลาดหลักทรัพย์กรุงสต็อกโฮล์มในช่วงกลางเดือนตุลาคมนี้
เว็บไซต์ Globaltimes สื่อของทางการจีนรายงานโดยอ้างคำให้สัมภาษณ์ของผู้เชี่ยวชาญที่ชี้ว่า หากการเข้าตลาดหลักทรัพย์ของ Volvo เป็นไปตามที่คาดการณ์ไว้จะแสดงให้เห็นว่าบริษัทรถยนต์สามารถฟื้นตัวจากความอ่อนแอในช่วงปี 2008 – 2009 กลับมาแข็งแกร่งได้ในเวลาเพียง 10 ปีหลังจากถูก Geely เทคโอเวอร์ในปี 2010
เฟง ฉีหมิง นักวิเคราะห์ยานยนต์จากบริษัท Menutor Consulting กล่าวว่า “ดีล Volvo – Geely คือการควบรวมกิจการที่สร้างความสำเร็จได้อย่างน่าทึ่งที่สุดในอุตสาหกรรมยานยนต์ระดับโลกในรอบ 20 ปี ไม่ต้องสงสัยเลยว่า Geely คือนักลงทุนชั้นยอด”
ตลอดหนึ่งทศวรรษที่ผ่านมา Geely ลงทุนมูลค่า 1.1 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐเพื่ออัดฉีดการพัฒนาผลิตภัณฑ์ของ Volvo สร้างความล้ำสมัยให้รถยนต์ที่เปลี่ยนผ่านจากเครื่องยนต์สันดาปไปสู่ระบบขับเคลื่อนไฟฟ้า พร้อมกับการสร้างโรงงานในแดนมังกรที่ดึงดูดลูกค้าคนชั้นกลางชาวจีนได้มากมาย
ขณะเดียวกัน Volvo ยังเปิดโรงงานผลิตรถยนต์แห่งแรกในสหรัฐอเมริกาในปี 2018 พร้อมกลยุทธ์การสร้างแบรนด์ให้กลับมาแข็งแกร่งอย่างต่อเนื่องหลังจากเคยเป็นรถยนต์ที่ได้รับความนิยมจากชาวอเมริกันในช่วงทศวรรษ 1970
ผู้เชี่ยวชาญชี้ว่า หนึ่งในกลยุทธ์สำคัญของ Geely คือการปล่อยให้ทีมวิศวกรของ Volvo ดำเนินงานอย่างเป็นอิสระเพราะเชื่อมั่นในความสามารถและองค์ความรู้ที่มีอยู่เดิม แตกต่างจาก Ford ที่มักแทรกแซงและควบคุมการบริหารจัดการเกือบทุกด้าน
Volvo สามารถหลุดพ้นจากวิกฤตการแพร่ระบาดของไวรัสได้อย่างรวดเร็ว โดยในช่วง 6 เดือนแรกของปีนี้ Volvo สร้างผลกำไรได้ถึง 1.52 พันล้านเหรียญสหรัฐ มากกว่าที่เคยทำได้ในช่วงเวลาเดียวกันของปี 2019 หรือก่อนการแพร่ระบาด
เฟง คาดการณ์ว่า Volvo จะใช้เงินทุนที่ได้จากการทำ IPO มาหมุนเวียนลงทุนในกลยุทธ์การพัฒนาระบบขับเคลื่อนไฟฟ้าเพิ่มเติมและทำให้พวกเขายืนอยู่แถวหน้าของอุตสาหกรรมยานยนต์โลก
Volvo ประกาศเป้าหมายไว้ว่าจะก้าวสู่การเป็นบริษัทรถยนต์ไฟฟ้าเต็มตัวในปี 2030 โดยจะจำหน่ายรถยนต์ไฟฟ้าให้ได้ถึง 600,000 คันภายในปี 2025 และสร้างโรงงานผลิตแบตเตอรี่ในยุโรปภายในปี 2026
ตรวจสภาพรถ 175 จุด
รับประกันคืนเงินภายใน 30 วัน
การรับประกัน 1 ปี
ราคาคงที่ ไม่มีค่าธรรมเนียมแอบแฝง
{{variantName}}
{{carMileage}} กม.
{{registrationYear}} ปี
{{storeCity}}