ลองขับ 2021 Lucid Air โดยสื่อมะกัน แทบไม่ต้องเทียบกับ Tesla เพราะวิ่งไกลและแรงกว่าไปแล้ว

Lucid Motors ได้ปล่อยภาพถ่ายและข้อมูลรุ่นเรือธง Air เป็นเวลากว่า 1 ปีแล้ว ในที่สุดก็ได้เปิดตัวจริงอย่างเป็นทางการสักทีกับ 2021 Lucid Air (ลูซิต แอร์) รุ่นย่อยพิเศษ Dream Edition แบบ Long Range จะมีระยะทางวิ่งได้ประมาณ 832 กม. ซึ่งเป็นสถิติสำหรับวงการ EV อีกทั้งยังมีรุ่นน่าตื่นเต้นกับ Lucid Air Dream Edition เวอร์ชัน Performance มาพร้อมพละกำลัง 1,111 แรงม้า ซึ่งมีสื่อมวลชนในอเมริกาได้ลองขับมาแล้ว ผลตอบรับจะดีแค่ไหน มาดูกัน

ในงานแสดงตัวอย่างรุ่นผลิตจริง หน้าโรงงานในรัฐแอริโซนานี้ จัดขึ้นโดยให้สิทธิ์เข้าถึงโรงงานผลิตระบบส่งกำลังของ Lucid แบบเอกสิทธิ์เฉพาะบุคคล รวมถึงโรงงานผลิตขั้นสูง Advanced Manufacturing Plant  หรือ AMP-1 ซึ่งปัจจุบันกำลังประกอบรถคันจริงให้ลูกค้าอยู่ ซึ่งปล่อยให้สื่อมวลชนสามารถเข้าไปภายในรถซีดานเพื่อดูแบบใกล้ชิด และทดลองขับด้วยตัวเอง

Lucid หวังที่จะสร้างความคึกคักในตลาด EV สุดหรูด้วยการเสนอขายครั้งแรกแบบออนไลน์ มีการปรับแต่ง Dream Edition ตามใจชอบด้วยตนเอง พร้อมแสดงราคาแบบ Real time (ที่บวกออพชั่นแล้วแพงมหาศาล) ต่างจาก Tesla ที่ไม่ได้แสดงราคาหน้าเว็บแบบเข้าถึงได้ง่ายอย่างนี้

รุ่นย่อย Dream Edition ยังดูโฉบเฉี่ยวและหรูหรา แถมใช้งานได้จริงและมีประสิทธิภาพ ซึ่งจะเราได้รับคำอวดอ้างว่า เป็นรถที่เสิร์ฟสิ่งที่ดีสุดทุกตารางนิ้ว เหมือนเป็นคำท้าทายให้ค้นหาเกี่ยวกับรถยนต์ไฟฟ้าคันนี้

อ่านเพิ่มเติม : 2021 Tesla Model S โดนล้มสถิติวิ่งไกลสุด 832 กม. และนี่คือหน้าตาผู้ชนะคนใหม่ 2021 Lucid Air

ภายนอกแบนลู่ลม

ภายนอกของ Lucid Air Dream Edition นั้นเน้นความลู่ลมตามหลักแอโรไดนามิก สมชื่อรุ่นที่แปลว่าอากาศ ได้รับการออกแบบโดยมีไอเดียจากเครื่องบินเจ็ต ตัวถังที่ดูเตี้ยแบน และเพรียวบาง ทำให้ซ่อนความกว้างขวางที่แท้จริงภายใน 

ช่องบนฝากระโปรงช่วยให้อากาศเคลื่อนตัวจากด้านหน้ารถ ผ่านตัวรถ และออกไปยังกระจกมองข้าง ซึ่งช่วยให้การขับขี่ตามหลักอากาศพลศาสตร์มากขึ้น และมีระยะทางการขับขี่ที่ดีขึ้น

ไฟหน้าและไฟท้ายสวยงาม ด้วยสไตล์มินิมัล รวมเฉพาะสิ่งที่จำเป็น ลดทอนให้เหลือน้อยที่สุด แต่ประสิทธิภาพในทุกรายละเอียดเล็ก ๆ เหล่านั้น เช่น ไฟหน้าเป็นเลนส์โปรเจคเตอร์แยกส่วน ไฟท้ายทรงขีดแนวนอนยาวที่สว่างทุกพื้นที่ ไม่มีส่วนเกินยื่นยาวออกมา

ฝาท้ายรถยกขึ้นทั้งชิ้นส่วนด้านหลัง รวมถึงไฟท้ายทั้งหมดด้วย ทำให้ง่ายต่อการขนย้ายสัมภาระเข้าออก ส่วนที่เก็บสัมภาระด้านหน้าก็มีพื้นที่ถึง 280 ลิตร วึ่งทางค่ายรถอ้างว่า มันคือพื้นที่เก็บของหน้ารถที่ใหญ่สุดในโลก ส่วนฝากระโปรงหน้ารถทำขึ้นจากแม่พิมพ์ชิ้นเดียวกับโครงสร้าง ที่เป็นเอกลักษณ์ไม่เหมือนใคร

 อ่านเพิ่มเติม : 2021 Lucid Air เผยโฉมจริงออกสื่อแล้ว ชื่อเสียงที่โค่น Tesla ทำยอดจองทะลุ 13,000 คัน

ภายในหรูและโล่ง

การออกแบบเริ่มต้นจากศูนย์ยังช่วยให้ทีมดีไซเนอร์ของ Lucid Air มีอิสระมากขึ้นในการกำหนดความหรูหราในปัจจุบัน ด้วยการใช้เทคโนโลยีอย่างมีประสิทธิภาพ สิ่งแรกที่คุณสังเกตเห็นคือความกว้างขวาง และการตกแต่งภายในของ Air โดยเฉพาะในเบาะหลัง เมื่อเทียบกับรถคันอื่นๆ คือความรู้สึกภายในที่ใหญ่กว่าที่ตาเห็นจากภายนอก และนั่นก็ไม่ใช่เรื่องบังเอิญ

หลังคาแก้วบานใหญ่ และกระจกหลังโค้งแบบฝาครอบที่ไม่มีสิ่งกีดขวาง ช่วยเพิ่มความโล่งสายตา ในขณะที่ยังมีฟิล์มป้องกันแสงอินฟราเรด ยังคงกันรังสีเบื้องบนได้อยู่หมัด

หน้าจอและอินเทอร์เฟซการตั้งค่ายานพาหนะได้รับการย่อให้เล็กสุดและปรับปรุงให้รวมเฉพาะสิ่งที่คุณต้องการด้วยการแตะเพียงครั้งเดียว เพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้ลูกค้าต้องเลื่อนและแตะผ่านเมนูต่าง ๆ

สิ่งที่น่าจดจำ และไม่มีในรถคันอื่นได้แก่ การตัดสินใจเลือกใช้สีที่ต่างกันสำหรับเบาะนั่งด้านหน้า และด้านหลังแบบทูโทน โดยเบาะคู่หน้าเป็นสีดำ แต่เบาะหลังทั้งหมดเป็นสีขาว

ลองขับรุ่น 1,111 แรงม้า

การทดลองขับ Lucid Air Dream Edition ให้สื่อมวลชนในอเมริกาทดลองขับรุ่น Performance ที่มีกำลังสูงถึง 1,111 แรงม้า เมื่อขับออกจากโรงงาน AMP-1 ก็ขึ้นไปลองบนทางหลวงกลางทะเลทรายของ Casa Grande แน่นอนว่าความเงียบสงบภายในนั้นเด่นชัดจนรู้สึกได้ทันที การบังคับเลี้ยวและระบบกันสะเทือนนั้นกระชับและราบรื่น ซับแรงสะเทือนในการขับความเร็วสูงได้สบาย ๆ โดยมีแค่แรงกระตุกเมื่อผ่านรอยต่อคอสะพาน และแรงตรึงเบาะจากตอนเร่งแซงเท่านั้น

หน้าจอแสดงผลและการตั้งค่านั้นใช้งานง่ายอย่างที่ค่ายรถอวดอ้างไว้ โดยที่คนขับไม่ต้องค้นหาอะไรเลย และการจัดวางสวิตช์ หรือปุ่มสลับโหมดทุกชิ้นที่ต้องใช้งาน นั้นวางอยู่ใกล้กับปลายนิ้วดีมาก ทำให้คนที่ไม่เคยขับ EV มากก่อนก็เข้าใจง่าย

ตกใจกับอัตราเร่งแซงฉับพลัน

Lucid Air มีโหมดการขับขี่ 3 โหมด ได้แก่ Smooth, Swift และ Sprint เมื่อคนขับได้มีโอกาสขึ้นบนทางหลวงและเปิดโหมด Sprint ขึ้นมาลองใช้ ซึ่งไม่ใช่ทุกคนที่จะสามารถ (หรือไว้ใจได้เพียงพอ?) ในการทดสอบโหมด sprint เพราะแรงบิดตรึงเบาะเกิดข้นในทันที มีอัตราเร่งที่ใกล้เคียงกับการเทคออฟของเครื่องบินเจ็ทมากกว่าการนั่งรถ 

การเร่งแซงที่ความเร็วจาก 50-100 กม./ชม.นั้นค่อนข้างเร็ว แม้จะไม่เร็วขนาดที่ทำให้หัวติดเบาะ แต่อย่างน้อยก็ทำให้รถไปแตะถึงความเร็วสูงสุดตามกฎหมาย ได้ก่อนที่คนขับจะทันคิดคำอุทานอะไรออกมา ซึ่งเป็นประสบการณ์ที่ไม่เคยเจอแบบนั้นมาก่อน 

ทีมงานตั้งใจเลือกความแรง

Peter Rawlinson CEO ของ Lucid กล่าวว่าอัตราเร่งแซงฉับพลัน และแรงจีขนาดนั้น คือการตั้งใจเลือกมาให้ลูกค้าได้รับประสบการณ์อย่างนั้นอยู่แล้ว Rawlinson อธิบายเพิ่มเติมว่า เขาและทีมของเขามุ่งเน้นที่จะมอบความเร็วสุดขั้ว ให้เป็นประสบการณ์การขับขี่ในชีวิตจริง แทนที่จะเน้นความเร็ว 0-100 กม./ชม. แบบเดิมๆ มากขึ้น เช่น เมื่อคุณใช้ความเร็วต่ำอยู่แล้วและเห็นถนนโล่งๆ หรือเมื่อคุณต้องการผ่านรถบรรทุก แทบทุกคนก็ต้องเปลี่ยนเลนแซงให้ขาดทันที

Lucid Air Dream Edition Performance จะสร้างความพึงพอใจให้กับผู้ขับขี่ที่ชอบขับเร็ว ไม่ว่าเป็นการออกตัวจากหยุดนิ่ง หรือเร่งแซงฉับพลัน พลังเหล่านี้ทำให้รถดูเบาหวิวอย่างอากาศ แต่ช่วงล่างและพวงมาลัยยังจับพื้นถนนอยางละเอียด นี่คือสิ่งที่น่าตื่นเต้นที่สุดของคนรักรถอย่างแท้จริง

2021 Lucid Air Dream Edition Performance รุ่นท็อปสุด วางขายแล้วในสหรัฐอเมริกา ด้วยราคา 161,500 ดอลล่าร์ แพงกว่าเทสล่าอยู่พอสมควร แต่ก็แลกมาด้วยสเปคที่เหนือกว่าทุกด้านอย่างชัดเจน

อ่านเพิ่มเติม : เทียบสเปค EV ระหว่าง Tesla Model S กับ Lucid Air น้องใหม่เปิดราคา แพงกว่าเทสล่าเกือบเท่าตัว