“เราต้องม้วนเสื่อแน่ถ้าไม่ทำรถยนต์ไฟฟ้า” เหล่ย จุน ประธาน Xiaomi ยืนยัน

Xiaomi (เสี่ยวมี่) ประกาศยืนยันอย่างเป็นทางการแล้วว่าจะเดินหน้าผลิตและจัดจำหน่ายรถยนต์ไฟฟ้าภายในช่วงครึ่งแรกของปี 2024 อย่างแน่นอน

คำยืนยันดังกล่าวออกจากปากของเหล่ย จุน ประธานกรรมการ Xiaomi ภายในกิจกรรมสัมนาของนักลงทุนที่จัดขึ้นในประเทศจีนเมื่อกลางเดือนตุลาคมที่ผ่านมา ซึ่งจะเป็นการต่อยอดธุรกิจครั้งสำคัญจากเดิมที่บริษัทฯ จัดจำหน่ายอุปกรณ์อิเลคโทรนิคมากมาย

เหตุผลง่าย ๆ ที่เหล่ย จุนคิดว่าบริษัทของเขาต้องทำรถยนต์ไฟฟ้าก็เพื่อความอยู่รอดขององค์กรในระยะยาวนั่นเอง

เริ่มก่อร่างสร้างทีมงานแล้ว

เหล่ย จุน กล่าวต่อหน้านักลงทุนที่มาร่วมสัมนาว่า อุตสาหกรรมยานยนต์ โดยเฉพาะรถยนต์ไฟฟ้ามีความก้าวหน้าไปอย่างรวดเร็วกว่าที่เขาคาดการณ์ไว้ และทำให้บริษัทหลีกเลี่ยงไม่ได้ที่จะต้องเข้าร่วมแย่งชิงส่วนแบ่งการตลาด

“รถยนต์ไฟฟ้ากำลังพัฒนาจากการเป็นผลิตภัณฑ์ในอุตสาหกรรมกลไกสู่การเป็นผลิตภัณฑ์ในอุตสาหกรรมข้อมูลข่าวสาร นั่นหมายความว่า Xiaomi จะต้องถูกกำจัดแน่นอนหากไม่เข้าร่วมในตลาดรถยนต์” เหล่ย จุน ยืนยัน

ประธานกรรมการของ  Xiaomi เปิดเผยด้วยว่าได้มีการจดทะเบียนก่อตั้งบริษัทใหม่ที่ดูแลรับผิดชอบธุรกิจยานยนต์แล้วเมื่อวันที่ 1 กันยายนที่ผ่านมา โรงงานผลิตรถยนต์แห่งแรกจะตั้งอยู่ชานกรุงปักกิ่งในประเทศจีน ปัจจุบันมีพนักงานฝ่ายวิจัยและพัฒนาอยู่แล้ว 453 คน และมีคนส่งใบสมัครงานเข้ามาอีกกว่า 20,000 คน

การลงทุนก้อนแรกของ Xiaomi มีมูลค่า 1.54 พันล้านเหรียญสหรัฐหรือประมาณ 5.1 หมื่นล้านบาท ส่วนเม็ดเงินลงทุนในระยะยาวกรอบเวลา 10 ปีข้างหน้าจะมีมูลค่าสูงถึง 1 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐหรือ 3 แสนล้านบาทเลยทีเดียว

เหล่ย จุน ยืนยันว่า บริษัทฯ จะใช้ทุกทรัพยากรที่มี ทั้งเงินสด ทีมนักวิจัยและพัฒนากว่า 10,000 คน และองค์ความรู้ในธุรกิจสมาร์ทโฟน รวมถึงระบบนิเวศที่เกี่ยวข้องมาพัฒนารถสมาร์ทคาร์แบรนด์ Xiaomi ให้ดีที่สุด

รถยนต์ไฟฟ้ารุ่นแรกของ Xiaomi จะเปิดตัวอย่างเป็นทางการภายในต้นปี 2024 ก่อนจะตามมาด้วยรถใหม่อีก 3 รุ่นภายใน 3 ปีหลังจากนั้น  โดยมีเป้าหมายยอดขาย 900,000 คันในช่วงเวลา 3 ปีดังกล่าว

มีรายงานด้วยว่า ตลอดหลายเดือนที่ผ่านมา  Xiaomi มีการเจรจาหารือกับบริษัทอื่น ๆ เพื่อจับมือกันเป็นหุ้นส่วนทางธุรกิจอย่างต่อเนื่อง

อย่างไรก็ตาม Xiaomi ต้องเผชิญกับคู่แข่งมากมายในตลาดบ้านเกิด ไม่ว่าจะเป็นบริษัทต่างชาติอย่าง Tesla หรือ Volkswagen รวมถึงเพื่อนร่วมชาติอย่าง NIO, Li Auto และ Xpeng ยังไม่นับรวมบริษัทสตาร์ทอัพขนาดเล็กอีกมากมาย