เปิดราคาแมวดี 2021 ORA Good Cat เริ่ม 9.89-1.199 ล้านบาท พอใช้เอา 400 PRO จัดเต็มต้อง 500 ULTRA ไปเลย

2021 ORA Good Cat (โอร่า กู้ด แคท) หรือแมวดีไฟฟ้าที่ชาวไทยตั้งหน้าตั้งตารอมาอย่างยาวนาน เปิดตัวอย่างเป็นทางการในประเทศไทยแล้ว ด้วยความหวังว่าจะเป็นผู้นำด้านรถยนต์ไฟฟ้าในประเทศไทย

โดยมาด้วยกันถึง 3 รุ่น 2 ระยะคือ 400 TECH, 400 PRO, และ 500 ULTRA ที่มาพร้อมออพชั่นมากมาย รวมถึงราคาที่น่าสนใจเป็นอย่างมาก

ราคาจำหน่าย

สีตัวถังและภายใน

สำหรับรถยนต์นั้นจะมีให้เลือกด้วยกัน 3 รุ่น ซึ่งจะมีระยะการวิ่งของตัวรถ และสีตัวถังที่แตกต่างกัน

ORA Good Cat 400 TECH 

• สีรถภายนอก 2 สี ได้แก่
  • สีดำ (Sun Black)
  • สีขาว (Hamilton White)
• สีรถภายใน : 1 สี ได้แก่ สีดำ (เบาะผ้า)

ORA Good Cat 400 PRO

• สีรถภายนอก : 5 สี ได้แก่
  • ตัวรถสีแดงพร้อมหลังคาสีดำ (Mars Red with Black Roof) 
  • ตัวรถสีขาวพร้อมหลังคาสีดำ (Hamilton White with Black Roof)
  • สีฟ้า (Coral Blue) 
  • สีดำ (Sun Black)
  • สีขาว (Hamilton White)
• สีรถภายใน : 1 สี ได้แก่ สีดำ (เบาะหนัง) 

ORA Good Cat 500 ULTRA

• สีรถภายนอก : 7 สี ได้แก่
  • ตัวรถสีเขียวพร้อมหลังคาสีขาว (Verdant Green with Hamilton White Roof) 
  • ตัวรถสีเบจพร้อมหลังคาสีน้ำตาล (Hazel Wood Beige with Wisdom Brown Roof)
  • ตัวรถสีแดงพร้อมหลังคาสีดำ (Mars Red with Black Roof
  • ตัวรถสีขาวพร้อมหลังคาสีดำ (Hamilton White with Black Roof)
  • สีฟ้า (Coral Blue)
  • สีดำ (Sun Black)
  • สีขาว (Hamilton White) 
• สีรถภายใน : 3 สี ได้แก่
  • สีดำ (เบาะหนัง) สำหรับทุกตัวเลือกสีรถภายนอก
  • ยกเว้นเลือกตัวรถสีเขียวพร้อมหลังคาสีขาว (Verdant Green & Hamilton White) จะได้ภายในสีเขียว/เทา (เบาะหนัง)
  • ตัวรถสีเบจพร้อมหลังคาสีน้ำตาล (Hazel Wood Beige & Wisdom Brown) จะได้ภายในสีเบจ/น้ำตาล (เบาะหนัง) 

เรียกได้ว่า มีออพชั่นสี และภายในให้เลือกได้อย่างหลากหลาย

อ่านเพิ่มเติม เทียบรุ่นย่อย 2021 ORA Good Cat แมวดีออพชั่นแน่น 

ภายนอกย้อนยุคแบบน่ารัก

ภายนอกมีการออกแบบไปในแนวทางย้อนยุค แต่ยังเสริมความทันสมัยด้วยรูปทรงโค้งมนของรถ มาพร้อมไฟหน้า LED ทรงกลมตาแมว พร้อม Daytime Running Light และไฟส่องสว่างหลังดับเครื่องยนต์ Follow Me Home

ไฟท้าย LED พร้อมไฟเบรกดวงที่สามและไฟตัดหมอกหลังแบบ LED กระจังหน้าพร้อมระบบ Active Air Intake

สำหรับรุ่น PRO และ ULTRA ให้มาเป็นล้ออัลลอยขนาด 18 นิ้ว สำหรับรุ่น TECH ให้เป็นล้อขนาด 17 นิ้วพร้อมฝาครอบล้อ

ภายในดูกว้างขวาง

ORA Good Cat มีการออกแบบภายในที่เน้นการเล่นสีแบบทูโทน ทำให้รถดูมีความกว้าง และโล่งมากขึ้น ใช้หัวเกียร์แบบหมุน Electronic Shifter เพื่อลดขนาดพื้นที่คอนโซลกลาง โดยให้หน้าจอ Interactive Double Screen พาดยาวบริเวณคอนโซลของตัวรถมีขนาด 17.25 นิ้ว

แบ่งออกเป็น หน้าจอแสดงผลการขับขี่แบบดิจิตอล (Full TFT) ขนาด 7 นิ้ว และหน้าจอสัมผัส ขนาด 10.25 นิ้ว ลำโพงรอบทิศทาง 6 ตัว

ระบบสั่งการด้วยเสียงอัจฉริยะ สามารถควบคุมแอร์ ซันรูฟ ระบบนำทาง และมัลติมีเดียได้ และสามารถดูสถานะของรถรถได้ผ่านระบบ GWM Application

นอกจากนี้ยังมีระบบเบาะนวดไฟฟ้า หลังคาพาโนรามิคซันรูฟ เพิ่มพื้นที่แสงสว่าง Wireless Charging พร้อมระบบกรองอากาศ PM2.5 เบาะที่นั่งหลังสามารถพับลงได้ เพิ่มพื้นที่ถึง 858 ลิตร

เครื่องยนต์

ขับเคลื่อนด้วยมอเตอร์ไฟฟ้าแบบ Permanent Magnet Synchronous Motor  ให้กำลังสูงสุด 143 แรงม้า​ แรงบิดสูงสุด 210 นิวตันเมตร​ ทำความเร็วสูงสุด 152 กม./ชั่วโมง อัตราเร่ง 0-50 กม./ชม. ภายใน  3.8 วินาที

ระบบช่วงล่างด้านหน้าแบบอิสระแมคเฟอร์สันสตรัท พร้อมเหล็กกันโคลง ด้านหลังแบบทอร์ชันบีมพร้อมเหล็กกันโคลง เบรกหน้าดิสก์แบบมีช่องระบายความร้อน หลังดิสก์

อ่านเพิ่มเติม ลองของ 2021 ORA Good Cat 400 PRO มีดีมากกว่าน่ารัก ขับดี ออพชั่นมีพอ

แบตเตอรี่

ใช้แบตเตอรี่ชนิดลิเธียมไอออนฟอสเฟต (LFP) ความจุ 47.788 kWh มีระยะทางวิ่งสูงสุด 400 กิโลเมตร ในรุ่น 400 TECH และ 400 PRO

ส่วนในรุ่น 500 ULTRAแบตเตอรี่ชนิดลิเธียม Ternary (NMC) ความจุ 63.139 kWh ระยะทางวิ่งสูงสุด 500 กิโลเมตร

รองรับการชาร์จแบบเร็วด้วยไฟกระแสตรง (DC) สูงสุด 60 kW และการชาร์จไฟบ้านแบบ AC 6.6 kW

ระยะเวลาในการชาร์จ

• ชาร์จแบบเร็วด้วยไฟฟ้ากระแสตรง DC (0% - 80%) 45 นาที สำหรับรุ่น 400 และ 60 นาที สำหรับรุ่น 500 
• ชาร์จแบบเร็วด้วยไฟฟ้ากระแสตรง DC (30% - 80%) 32 นาที สำหรับรุ่น 400 และ 40 นาที สำหรับรุ่น 500 
• ชาร์จด้วยไฟบ้านแบบ AC 8 ชั่วโมง สำหรับรุ่น 400 และ 10 ชั่วโมง สำหรับรุ่น 500 

ระบบความปลอดภัยจัดเต็ม

ในด้านความปลอดภัย เรียกได้ว่าอัดแน่นมาให้อย่างคุ้มค่า 

• ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบแปรผัน (ACC)
• ถุงลม 6 ตำแหน่ง
• เซนเซอร์ หน้า 6 หลัง 6
• ระบบ ABS, EBD, ESC, HSA, TCS
• ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติที่ความเร็วต่ำ
• ระบบเบรกฉุกเฉินอัตโนมัติบนทางตรงและทางแยก
• การเบรกฉุกเฉินความเร็วต่ำ
• ระบบช่วยควบคุมรถให้อยู่ในเลน (LKA)
• ระบบช่วยเตือนเมื่อรถออกนอกเลน (LDW)
• ระบบช่วยรักษาระยะให้อยู่กลางเลน (LCK)
• ระบบช่วยควบคุมรถให้อยู่ในเลนในภาวะฉุกเฉิน (ELK)
• ระบบช่วยเลี่ยงการเข้าใกล้รถใหญ่จากด้านข้าง (WDS)
• การเข้าโค้งอัจฉริยะ
• ระบบช่วยออกตัวบนทางชัน
• ระบบตรวจความดันลมยาง
• กล้อง 360 องศา
• ระบบช่วยจอดรถอัตโนมัติ 3 รูปแบบ
• ระบบช่วยเตือนเมื่อมีรถในจุดอับสายตาขณะถอยหลัง (RCTA)
• ระบบช่วยเตือนความเมื่อยล้าขณะขับขี่ (DFM)
• ระบบเตือนเมื่อเสี่ยงต่อการถูกชนด้านหลัง

แอปพลิเคชั่นอัจฉริยะ 

ORA Good Cat มาพร้อมกับระบบช่วยเหลือการขับขี่อัจฉริยะ เช่น ระบบความบันเทิงในรถยนต์ ระบบความปลอดภัยอัจฉริยะ ระบบช่วยเหลือการขับขี่อัจฉริยะ และเทคโนโลยีสำหรับการขับขี่อันล้ำสมัยอีกมากมาย อาทิเช่น 

• การอัปเกรดเฟิร์มแวร์ผ่านระบบออนไลน์อัจฉริยะ (FOTA) 
• การตอบโต้ด้วยเสียงอัจฉริยะผ่านระบบ AI 

การสั่งการและควบคุมรถจากระยะไกล เป็นระบบที่จะช่วยให้ผู้ขับขี่สามารถควบคุมการทำงานบางฟังก์ชันของรถยนต์ได้ แม้ผู้ขับขี่จะอยู่ในระยะที่ไกลจากตัวรถ 

ฟังก์ชันการเข้าถึงข้อมูลแบตเตอรี่รถไฟฟ้า เช่น

• ระบบตรวจสอบสถานะปริมาณแบตเตอรี่
• ระบบตรวจสอบสถานะการชาร์จแบตเตอรี่
• ระบบตรวจสอบระยะทางวิ่งคงเหลือ
• ระบบช่วยเตือนเมื่อแบตเตอรี่มีปริมาณต่ำ 
• ระบบช่วยเตือนเมื่อแบตเตอรี่มีความร้อนสูง
• การค้นหา POI 

ฟังก์ชันการใช้งานที่สามารถสั่งการและควบคุมได้จากระยะไกล เช่น

• การควบคุมระบบปรับอากาศ
• การล็อคและปลดล็อคประตู
• การค้นหารถยนต์
• สั่งการปิดหน้าต่าง 

ฟังก์ชันด้านความปลอดภัย เช่น

• การแสดงตำแหน่งรถยนต์
• การกำหนดรัศมีการใช้งานรถ
• การแสดงผลการตั้งค่าต่าง ๆ ของรถ

แคมเปญที่มีมาให้

• รับประกันรถ 5 ปีหรือ 150,000 กม.
• รับประกันแบต 8 ปี 180,000 กม.

สำหรับท่านที่จอง ULTRA Deal ไม่ทัน ORA จัดให้กับแคมเปญ Premiere Deal

• ดอกเบี้ย 1.79% นาน 48 เดือน
• ประกันชั้น 1 
• ฟรี Homecharger
• ฟรีค่าบำรุงรักษา 5 ปี
• ฟรีบริการช่วยเหลือ 5 ปี
• บริการรับส่งรถจากบ้านไปศูนย์ 2 ครั้ง
• มีพอยท์ 15000

รวม 125,000 บาท

รุ่นไหนเหมาะกับใคร

หากลองนำออพชั่นที่ให้มาเทียบกัน ในรุ่นเริ่มต้นก็มีออพชั่นที่น่าสนใจมาให้หลายอย่าง พอเพียงกับการใช้งานในเมืองเป็นอย่างมาก เหมาะกับผู้ที่ต้องการมีรถยนต์ไฟฟ้าคันแรกในบ้าน

หากจะเทียบรุ่นกลางกับรุ่นท็อป หลายคนอาจมองว่าในรุ่น 400 PRO นั้นมีหลาย ๆ ออพชั่นความปลอดภัยที่ดูคุ้มค่า รวมถึงได้ซันรูฟมาแล้ว

แต่หากอยากได้ออพชันความปลอดภัยที่ครบครันกว่า รวมถึงเบาะนวด ก็ควรจะเลือกซื้อตัวท็อป 500 ULTRA ไปเลย แถมได้ระยะทางเพิ่มมาอีก 100 กิโลเมตรด้วย