การขับรถเร็วเกินกำหนดเป็นสาเหตุหนึ่งของการเสียชีวิตในอุบัติเหตุในอันดับต้น ๆ ของโลก จากรายงานของ NHTSA ในปี 2019 ผู้ขับขี่ที่ขับรถที่ความเร็วมากกว่าค่าเฉลี่ย มีส่วนทำให้เกิดอุบัติเหตุบนท้องถนนได้มากถึง 26%
นอกจากการขับรถเร็วจะเป็นอันตรายต่อตัวเราเองและผู้ใช้ถนนคนอื่น ๆ แล้ว ยังเป็นการละเมิดกฎหมายจราจรอีกด้วย ปัญหานี้ควรได้รับการแก้ไข ยิ่งไปกว่านั้น ตัวเลขของผู้ขับขี่นั้นเพิ่มขึ้นทุกปี จึงอาจทำให้มีคนที่ขาดความรู้เพิ่มขึ้น และทำให้จำนวนของอุบัติเหตุเพิ่มขึ้นตามไปด้วย
ในบางงานวิจัยกล่าวว่า พฤติกรรมการขับรถเร็วนั้นเกิดขึ้นโดยที่คนขับไม่รู้ตัว และต่อไปนี้คือสาเหตุที่อาจทำให้เกิดพฤติกรรมดังกล่าว ซึ่งนำไปสู่การเกิดอุบัติเหตุได้
จากงานวิจัยโดยบริษัทประกัน Erie Insurance เมื่อต้นปี 2021 จากกลุ่มตัวอย่าง 500 คน ผู้คนกว่า 66% ยอมรับว่าขับรถเร็วขึ้นเพราะถนนโล่งและไม่มีการจราจรที่ติดขัด ซึ่งเป็นสาเหตุทำให้เรารู้สึกปลอดภัยมากขึ้นและขับรถเร็วขึ้นจนเกินกฎหมายกำหนด
ส่วน 46% ที่เหลือรู้สึกว่าตัวเองเป็นคนที่ขับรถจนชำนาญแล้ว และสามารถขับได้อย่างปลอดภัย แม้อยู่ในความเร็วสูง พวกเขาจึงขับรถเร็วเกินกำหนดอยู่บ่อย ๆ
อีกหนึ่งเหตุผลคือสัญชาตญาณที่จะลดเวลาในการเดินทาง แม้เราจะไม่ได้คิดอะไร แต่คนขับมักจะคิดว่าจะเหลือระยะทางอีกไกลแค่ไหน หากรู้สึกว่านานแล้วจะเหนื่อยมากขึ้น ก็จะมีแนวโน้มที่เราจะทำอะไรสักอย่างเพื่อให้ไปถึงเร็วขึ้น
หลังจากนั้นจะทำให้ความอดทนที่มีลดลง จึงไม่มีทางอื่นนอกจากการขับรถให้เร็วขึ้น เพราะคิดว่าถ้าขับเร็วขึ้นเราก็จะไปถึงเร็วขึ้น
สาเหตุนี้ยังเกิดจากความเบื่อหน่ายระหว่างการเดินทาง ว่าเราขับมาไกลแล้วทำไมไม่ถึงสักที หรือมีความคุ้นเคยกับถนนเส้นนี้มานานแล้ว เพื่อไม่ให้เบื่อจนเกินไป ก็ขอเร่งความเร็วขึ้นสักหน่อย
กว่า 34% ของผู้ตอบแบบสอบถามคิดว่าการบังคับใช้กฎหมายสำหรับการขับรถเกินที่กฎหมายกำหนดนั้นอ่อนแอเกินไป จึงไม่เกรงกลัวแล้วขับรถในความเร็วที่พวกเขาพอใจ
พูดง่าย ๆ ว่า พวกเขาทราบดีว่าพวกเขาขับรถเร็วเกินกำหนด แต่อย่างไรก็ไม่ถูกลงโทษ จึงไม่น่าแปลกใจที่จะเห็นรถขับที่ความเร็วเกินกำหนดบนทางด่วนอยู่บ่อยครั้ง
ผลจากงานวิจัยเดิมกล่าวว่า กว่า 25% ของผู้ตอบแบบสอบถามจะคิดว่าการขับรถที่เร็ว(กว่าคันข้าง ๆ) จะรู้สึกว่ามีพลังมากกว่าขับรถที่ความเร็วปกติ โดยเฉพาะในขณะที่เดินทางไกล
ส่วนมากแล้วผู้ขับขี่จะมีความพึงพอใจในตนเองเมื่อขับรถไปถึงที่หมายได้เร็วกว่าเดิม
ตัวอย่างเช่น ถ้าเราขับรถจากจุด A ไป B จะใช้เวลา 3.5 - 4 ชั่วโมง แต่ถ้าใครขับถึงที่หมายได้เร็วกว่านี้ผู้ขับขี่ก็จะรู้สึกพอใจในตนเอง
สาเหตุสุดท้ายคือผู้ขับขี่ต้องการที่จะหยุดความรับผิดชอบในการขับรถครั้งนี้และพักผ่อนโดยทันที อาจเป็นเพราะความเหนื่อยล้าสะสมจากการเดินทางไกล
ผู้ขับขี่จึงไม่ลังเลที่จะเร่งความเร็วเพื่อไปถึงที่หมายโดยเร็ว ซึ่งอาจทำให้ความเร็วเกินความเร็วที่กำหนดได้
แม้จะมีวิธีแก้ง่วงมากมายหลากหลายรูปแบบ เช่น การงีบหลับที่ปั๊มน้ำมันสัก 10-15 นาที แต่ผู้ขับขี่ก็คงต้องการถึงที่หมายเลยเพราะจะได้พักผ่อนอย่างเต็มที่
อ่านเพิ่มเติม : สาเหตุสำคัญของความง่วงระหว่างขับรถคืออะไรบ้าง ? แล้วจะแก้ง่วงได้อย่างไร ?
ตรวจสภาพรถ 175 จุด
รับประกันคืนเงินภายใน 30 วัน
การรับประกัน 1 ปี
ราคาคงที่ ไม่มีค่าธรรมเนียมแอบแฝง
{{variantName}}
{{carMileage}} กม.
{{registrationYear}} ปี
{{storeCity}}