ทำไมรัฐบาลเยอรมนีเตรียมหั่นเงินอุดหนุนรถยนต์ไฟฟ้า?

รัฐบาลเยอรมนีเตรียมปรับนโยบายด้านยานยนต์ด้วยการลดเงินอุดหนุนรถยนต์ไฟฟ้าในปีหน้า โดยอ้างว่ารถพลังงานทางเลือกได้รับความนิยมสูงเพียงพอแล้วและไม่จำเป็นต้องได้รับการอุดหนุนทางการเงิน

สำนักข่าว Reuters รายงานโดยอ้างคำแถลงของกระทรวงเศรษฐกิจของเยอรมนีว่า มาตรการอุดหนุนผู้ซื้อรถยนต์ไฟฟ้าจะถูกปรับลดลงตามลำดับจนกระทั่งสิ้นสุดลงอย่างเป็นทางการเมื่องบประมาณที่ถูกกำหนดไว้ 3.4 พันล้านยูโรถูกใช้จนหมดภายในกรอบเวลา 2 ปีข้างหน้า

โรเบิร์ต ฮาเบค รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเศรษฐกิจของเมืองเบียร์กล่าวว่า รถยนต์ไฟฟ้าได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องจนไม่จำเป็นต้องได้รับการอุดหนุนจากรัฐบาลในอนาคตอันใกล้

ภายใต้นโยบายใหม่ เงินอุดหนุนที่เคยจ่ายให้ผู้ซื้อรถยนต์ไฟฟ้า 5,000 ยูโรสำหรับราคารถ 40,000 ยูโรจะถูกปรับลดลงเหลือ 3,000 ยูโร ขณะที่รถยนต์ไฟฟ้าที่มีราคาสูงกว่า 65,000 ยูโรจะไม่ได้รับเงินอุดหนุนอีกต่อไป เงินอุดหนุนทั้งหมดจะถูกยกเลิกภายในปลายปี 2024

ขณะเดียวกัน เงินอุดหนุนสำหรับรถยนต์ปลั๊กอินไฮบริดจะถูกยกเลิกด้วยเช่นกันภายในปลายปีนี้ซึ่งกระทรวงเศรษฐกิจเชื่อว่าเครื่องยนต์สันดาปนั้นไม่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม อีกทั้งยังมีน้ำหนักมาก และมีระยะทางขับขี่ด้วยไฟฟ้าที่สั้นเกินไป

“มาตรการปรับลดเงินอุดหนุนรถปลั๊กอินไฮบริดนั้นมีเป้าหมายอยู่ที่การปกป้องสภาพอากาศ และให้ความสำคัญกับรถยนต์ไฟฟ้า 100% เป็นหลัก” เฮเบค กล่าวเพิ่มเติม

รถอีวีเติบโตอย่างต่อเนื่อง

ยอดขายรถยนต์ไฟฟ้าในประเทศเยอรมนีในปี 2021 อยู่ที่ 328,000 คัน เพิ่มขึ้นเท่าตัวเมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า ปัจจุบันมีรถอีวีโลดแล่นบนท้องถนนทั่วประเทศมากกว่า 600,000 คัน และหากรวมรถยนต์ปลั๊กอินไฮบริดแล้วจะมีมากกว่า 1 ล้านคัน

สัดส่วนยอดขายรถยนต์ไฟฟ้าในเยอรมนี ณ ปัจจุบันอยู่ที่ 14% ซึ่งไม่ถือว่าสูงมากนักแต่ตัวเลขดังกล่าวกำลังเติบโตเพิ่มขึ้นตามลำดับ

Volkswagen ครองตำแหน่งผู้นำตลาดรถยนต์ไฟฟ้าในเยอรมนีด้วยสัดส่วน 20.3% ตามมาด้วย Tesla อยู่ที่ 11.2%

อย่างไรก็ตาม สมาคมผู้ผลิตยานยนต์แห่งเยอรมนีหรือ VDA ไม่เห็นด้วยกับการปรับลดเงินอุดหนุนในสถานการณ์ตลาดยานยนต์ที่ไม่แน่นอน ณ เวลานี้

“ต้นทุนการผลิตรถยนต์และชิ้นส่วนที่เกี่ยวข้องกำลังพุ่งสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง การปรับลดเงินอุดหนุนของรัฐบาลไม่ใช่สิ่งที่ควรจะเกิดขึ้น” ฮิลเดอการ์ด มุลเลอร์ ประธานกรรมการ VDA กล่าว