2023 Toyota Prius (2023 โตโยต้า พริอุส) เจนเนอเรชั่นใหม่ได้รับการเผยโฉมอย่างเป็นทางการแล้ว มาพร้อมไฮไลท์น่าสนใจทั่วทั้งคัน
Toyota นำเสนอ Prius โลดแล่นอยู่ในอุตสาหกรรมยานยนต์โลกมาตั้งแต่ปี 1997 มียอดขายสะสมมากถึง 5.05 ล้านคัน ขณะที่เจนเนอเรชั่นใหม่ซึ่งนับเป็นรุ่นที่ 5 นั้นมาพร้อมคำนิยามว่าเป็น “การสานต่อความนิยมตลอด 25 ปีที่ผ่านมาด้วยการออกแบบใหม่ทั้งหมดเพื่ออนาคตในอีก 25 ปีข้างหน้า”
ไซมอน ฮัมฟรีส์ ผู้จัดการทั่วไปอาวุโสฝ่ายออกแบบของ Toyota กล่าวเน้นย้ำกลยุทธ์ของบริษัทฯ ว่าต้องการนำเสนอขุมพลังขับเคลื่อนที่หลากหลายสำหรับผู้คนส่วนใหญ่
“Prius คือรถยนต์สำหรับคนกลุ่มใหญ่ นี่คือรถยนต์ที่รองรับการขับขี่ของทุกคน ไม่ใช่แค่คนบางกลุ่มเท่านั้น” ฮัมฟรีส์ กล่าว
อย่างไรก็ตาม ถึงแม้จะเน้นว่าผู้บริโภคสามารถเข้าถึงรถไฮบริดรุ่นนี้ได้ง่าย แต่ค่ายรถยักษ์ใหญ่จากญี่ปุ่นยังไม่เปิดเผยราคาจำหน่ายจนกว่าจะถึงกำหนการเปิดตัวในช่วงเดือนธันวาคมนี้ โดยเริ่มจากรุ่นไฮบริด ส่วนปลั๊กอินไฮบริดจะตามมาในไตรมาสที่ 2 ของปีหน้า
Toyota ระบุว่าหลังจากเปิดตัวทำตลาดญี่ปุ่นเป็นแห่งแรก รถไฮบริดรุ่นนี้จะออกทำตลาดอเมริกาเหนือและยุโรป รวมถึงประเทศต่าง ๆ เป็นลำดับต่อไป แต่ยังไม่มีรายงานการวางแผงขายในบ้านเราแต่อย่างใด
การเปิดตัว Prius ใหม่เกิดขึ้นท่ามกลางเสียงวิจารณ์ที่ดังหนาหูมานานนับปีแล้วว่า Toyota ขยับตัวช้าเกินไปในการพัฒนารถยนต์ไฟฟ้า และพึ่งพารถไฮบริดมมากเกินไป
สำนักข่าว Reuters รายงานว่า Toyota กำลังพิจารณาปรับแผนกลยุทธ์ใหม่เพื่อเร่งการพัฒนารถยนต์ไฟฟ้าให้รวดเร็วยิ่งขึ้นเพื่อเสริมสร้างขีดความสามารถทางการแข่งขันในอนาคตระยะยาว
กระนั้น ผู้บริหารของ Toyota ได้ทยอยออกมาตอบโต้เสียงวิจารณ์เป็นระยะเช่นกัน โดยชี้ว่ารถยนต์ไฮบริด “มีความสมเหตุสมผลมากกว่า” ในการทำตลาดหลายประเทศที่โครงข่ายจุดชาร์จไฟยังไม่พร้อมต่อการใช้งานในวงกว้าง
รถยนต์ไฮบริดมักมีราคาย่อมเยากว่ารถยนต์ไฟฟ้า เนื่องจากใช้แบตเตอรี่ขนาดเล็กกว่าและยังไม่ต้องพึ่งพาจุดชาร์จไฟ ซึ่งทั้งราคาค่าตัวและระยะทางขับขี่ด้วยไฟฟ้าเป็นสองปัจจัยสำคัญที่ทำให้ผู้บริโภคลังเลในการตัดสินใจซื้อรถอีวีเป็นคันแรก
รูปลักษณ์ภายนอกของรถไฮบริดในตำนานรุ่นนี้ถือว่าสะดุดตาอย่างมาก ด้วยเส้นสายที่ดูเหมือนจะเรียบง่ายแต่แฝงความหวือหวา โคมไฟหน้ารูปทรงตัว C ที่คล้ายกับ bZ4X แต่ยกระดับความสปอร์ตหลายเท่าตัว ด้านบนประดับด้วยไฟเดย์ไลท์ไล่ตามโคมไฟ
ต่ำลงมาด้านล่างเป็นช่องดักอากาศที่ค่อนข้างเพรียวบาง ตกแต่งด้วยวัสดุสีดำเงาและเมทัลลิกที่ทำให้ดูโมเดิร์นยิ่งขึ้น ส่วนฝากระโปรงมีเส้นนำสายตาและมีความลาดเอียงอย่างมาก
องศาที่เทลาดของตัวรถพาดผ่านไปสู่หลังคาสีดำที่โค้งมาตัดฉับที่บั้นท้ายแบบรถลิฟท์แบ็ก ไฟท้ายแผ่เต็มด้านหลังรถตามสมัยนิยม ที่น่าสนใจคือการติดตั้งชื่อรุ่น Prius ขนาดค่อนข้างใหญ่ การใช้กระจกมองข้างและหลังคาสีดำผนวกกับการซ่อนมือจับเปิดประตูไว้ที่เสาหลังคาท้ายทำให้ตัวรถดูสปอร์ตปราดเปรียว
Toyota ระบุว่าแสงไฟแอมเบียนไลท์สร้างบรรยากาศในรถยนต์ไม่ได้ถูกออกแบบเพื่อความสวยงามเท่านั้น แต่ยังทำงานประสานกับระบบช่วยเหลือผู้ขับขี่ Toyota Safety Sense โดยจะมีการกระพริบเป็นการแจ้งเตือน
ภายในห้องโดยสารดูคล้ายกับ bZ4X พวงมาลัยมัลติฟังก์ชั่นติดตั้งอยู่ด้านหน้ามาตรวัดดิจิทัลที่วางลึกเข้าไปในแผงแดชบอร์ด หน้าจออินโฟเทนเมนท์มีขนาด 12.3 นิ้ว ต่ำลงมาเป็นแผงควบคุมระบบปรับอากาศ คอนโซลกลางมีหัวเกียร์ สวิทช์ควบคุมฟังก์ชั่นต่าง ๆ และแท่นชาร์จอุปกรณ์ไร้สาย
Prius ใหม่พัฒนาบนแพลตฟอร์ม TNGA เจนเนอเรชั่นที่ 2 ที่ทำให้ตัวรถมีจุดศูนย์ถ่วงต่ำลง และรองรับยางที่มีขนาดใหญ่มากขึ้น ช่วยเพิ่มสมรรถนะการขับขี่ อีกทั้งตัวถังยังถูกเสริมความแข็งแรงและทนทาน ช่วงล่างด้านหน้าเป็นแมคเฟอร์สันสตรีท และด้านหลังแบบดับเบิลวิชโบน
ไฮไลท์ของ 2023 Toyota Prius คือการติดตั้งขุมพลังปลั๊กอินไฮบริด 2.0 ลิตร ประกบเครื่องยนต์ Dynamic Force Engine รหัส M20A-FXS กำลัง 151 แรงม้า เข้ากับชุดแบตเตอรี่ลิเธียม-ไอออนและชุดมอเตอร์ไฟฟ้า 163 แรงม้า มอบพละกำลังรวมสูงสุดอยู่ที่ 223 แรงม้า
ชุดแบตเตอรี่ติดตั้งอยู่ใต้เบาะนั่งแถวหลังจึงช่วยเพิ่มประสิทธิภาพด้านจุดศูนย์ถ่วงและไม่ส่งผลต่อพื้นที่จัดเก็บสัมภาระแต่อย่างใด
Toyota ระบุว่าถึงแม้เครื่องยนต์จะมีความจุเพิ่มขึ้นเป็น 2.0 ลิตร แต่มีอัตราความประหยัดน้ำมันเท่ากับ 1.8 ลิตร อีกทั้งยังเพิ่มระยะทางขับขี่ด้วยไฟฟ้าอีก 50% อัตราเร่งจาก 0-100 กม.ต่อชม. ทำได้ที่ 6.7 วินาที
อีกหนึ่งขุมพลังเป็นระบบ Series Parallel Hybrid System มีทั้งเครื่องยนต์ขนาด 2.0 ลิตร กำลังสูงสุด 196 แรงม้า และเครื่องยนต์ขนาด 1.8 ลิตรที่ทาง Toyota ระบุว่ายกมาจากเจนเนอเรชั่นที่แล้ว โดยทุกรุ่นขุมพลังมีระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ E-Four ให้เลือกสรร
Prius รุ่นใหม่นี้มาพร้อมกับช่องจ่ายไฟ 100 โวลต์ 1.5 กิโลวัตต์จำนวน 2 ช่อง ติดตั้งที่คอนโซลกลางและพื้นที่จัดเก็บสัมภาระ ดังนั้นผู้ใช้จึงสามารถใช้ไฟกับเครื่องใช้ไฟฟ้าทั่วไปได้ อีกทั้งยังมีโหมดการชาร์จไฟจากเครื่องยนต์
ผู้ใช้ยังสามารถเลือกโหมดจ่ายไฟที่ดึงพลังงานจากแบตเตอรี่อย่างเดียวโดยไม่ต้องสตาร์ทเครื่องยนต์ นอกจากนี้ยังมีระบบชาร์จไฟพลังงานแสงอาทิตย์ซึ่งสามารถสร้างกำลังไฟฟ้าเพื่อขับขี่ได้ไกล 1,250 กม. ต่อปี
สำหรับระบบความปลอดภัย Toyota Safety Sense มีครบครันตามมาตรฐาน แต่ระบบใหม่ล่าสุดคือ Digital Inner Mirror กล้องตรวจจับภายในรถและกล่องบันทึกการขับขี่ที่จะเก็บข้อมูลไว้ใน ECU ตลอดจนระบบ Advanced Park ที่สามารถควบคุมรถให้เข้าหรือออกที่จอดจากระยะไกลผ่านรีโมท
ตรวจสภาพรถ 175 จุด
รับประกันคืนเงินภายใน 30 วัน
การรับประกัน 1 ปี
ราคาคงที่ ไม่มีค่าธรรมเนียมแอบแฝง
{{variantName}}
{{carMileage}} กม.
{{registrationYear}} ปี
{{storeCity}}