สำนักวิจัยชื่อดังเผย Tesla (เทสล่า) อาจสูญเสียตำแหน่งผู้นำตลาดรถยนต์ไฟฟ้าระดับโลกในไม่ช้าด้วยการรุกคืบคลานของรถสัญชาติจีน
S&P Global Mobility เปิดเผยรายงานการสำรวจตลาดรถยนต์ไฟฟ้าว่า ความนิยมที่เพิ่มขึ้นของรถประเภทนี้กำลังเข้าใกล้กับคำว่า “แมส” หรือถูกใช้งานในวงกว้างมากขึ้นทุกขณะ ซึ่งนั่นหมายถึงราคาจำหน่ายจะลดลงต่อเนื่อง
“ราคาจำหน่ายของรถอีวีที่ต่ำกว่า 50,000 เหรียญสหรัฐนั้นกำลังเป็นที่นิยมอย่างมาก ซึ่งทำให้ Tesla ตกที่นั่งลำบากเพราะมุ่งเป้าไปที่รถราคาระดับพรีเมียมเท่านั้น” S&P Global Mobility ระบุในรายงาน
รถยนต์ไฟฟ้าราคาถูกที่สุดที่ Tesla จำหน่ายในเวลานี้คือ Model 3 แต่ก็ยังเคาะสูงถึง 47,000 เหรียญสหรัฐในรุ่นเริ่มต้น ขณะที่คู่แข่งกำหนดราคาถูกกว่านั้นมาก
“ตำแหน่งการตลาดของ Tesla กำลังเปลี่ยนแปลงไป พวกเขาต้องการขยายฐานลูกค้าให้กว้างขึ้นด้วยการนำเสนอรถยนต์ไฟฟ้าที่เข้าถึงได้ง่ายขึ้น” รายงานระบุ
S&P Global Mobility เน้นย้ำว่าหากค่ายรถไฟฟ้าจากสหรัฐอเมริกาต้องการรักษาความเป็นผู้นำให้ได้นานที่สุดก็จะต้องนำเสนอรถที่มีราคาถูกลง แต่ต้องมีเทคโนโลยีและความล้ำสมัยเทียบเท่าหรือใกล้เคียงกับรถรุ่นอื่น ๆ ที่มีราคาแพงกว่าซึ่งเป็นเรื่องที่ท้าทาย
ก่อนหน้านี้ อีลอน มัสก์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของ Tesla ได้ประกาศแล้วว่ารถรุ่นเริ่มต้นโมเดลใหม่ “ใกล้เป็นความจริงมากทุกขณะ” แต่ยังไม่มีกรอบเวลาการเปิดตัวที่ชัดเจน
ขณะที่สำนักข่าว Reuters รายงานโดยอ้างแหล่งข่าววงในว่า Tesla กำลังทำงานอย่างหนักเพื่อปรับปรุง Model 3 โดยเน้นที่การลดต้นทุนการผลิตและยกระดับฟีเจอร์ต่าง ๆ ให้มีความคุ้มค่ามากขึ้น
ก่อนหน้านี้ Tesla เพิ่งถูกผู้บริโภคในเมืองจีนประท้วงยกใหญ่หลังประกาศลดราคา Model 3 และ Model Y ลงสูงสุด 10% เพราะต้องการแข่งขันได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้นหลังจากเผชิญกับรถราคาถูกในแดนมังกรจนยอดขายลดลง
ขณะเดียวกัน Tesla เพิ่งเปิดตัวบริษัทอย่างเป็นทางการในประเทศไทย เคาะราคาจำหน่าย Model 3 เริ่มต้น 1.759 – 2.309 ล้านบาท ขณะที่ Model Y เปิดราคา 1.959 – 2.509 ล้านบาท ซึ่งถือว่าค่อนข้างสูงเมื่อเทียบกับรถยนต์ไฟฟ้าสัญชาติจีน
ตรวจสภาพรถ 175 จุด
รับประกันคืนเงินภายใน 30 วัน
การรับประกัน 1 ปี
ราคาคงที่ ไม่มีค่าธรรมเนียมแอบแฝง
{{variantName}}
{{carMileage}} กม.
{{registrationYear}} ปี
{{storeCity}}