สหภาพยุโรป (อียู) เพิ่งได้ข้อสรุปการห้ามใช้รถเครื่องยนต์สันดาปภายในปี 2035 แต่ดูเหมือนจะมี “แผนสำรอง” ในกรณีต้องปรับกลยุทธ์ฉุกเฉิน
รายงานข่าวระบุว่า เธียร์รี เบรตัน คณะกรรมการกำกับดูแลตลาดของอียู ได้ “สอดไส้” แผนสำรองไว้ในมาตรการแบนเครื่องยนต์สันดาปด้วยการเปิดช่องให้คณะกรรมการสามารถประเมินแผนงานได้อีกครั้งในปี 2026 และหากจำเป็นก็สามารถเลื่อนเส้นตายในปี 2035 ออกไปได้อีก
“ผมเคารพในการตัดสินใจเร่งอุตสาหกรรมยานยนต์สู่ระบบขับเคลื่อนไฟฟ้า แต่ขณะเดียวกัน ผมสนับสนุนให้บริษัทรถยนต์ผลิตเครื่องยนต์สันดาปต่อเนื่องเพื่อรักษาตำแหน่งงานและคงความสามารถในการส่งออกไว้เช่นเดิม” เบรตัน กล่าว
สาเหตุสำคัญที่เบรตันต้องการมีแผนสำรองคือความเสี่ยงที่การแบนเครื่องยนต์สันดาปจะทำให้ผู้คนมากมายต้องตกงาน ขณะที่รถยนต์ไฟฟ้าก็ยังมีราคาสูงเกินไปและเกินเอื้อมสำหรับผู้บริโภคทั่วไป ซึ่งจะทำให้เกิดปัญหาทางสังคมตามมา
“ผมกำลังจัดเตรียมคณะทำงานสำหรับการประเมินแผนงานอีกครั้งในปี 2026” เบรตัน กล่าวเพิ่มเติม “ในทุก 3 เดือน ผมจะนำคณะทำงานเหล่านี้เข้าพูดคุยหารือกับบริษัทรถยนต์ ซัพพลายเออร์ สหภาพแรงงาน และสมาคมผู้บริโภคเพื่อหารือถึงความเป็นไปต่าง ๆ และระบุถึงปัญหาที่เกิดขึ้นเพื่อไขต่อไป”
ก่อนหน้านี้ คาร์ลอส ตาบาเรส ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของกลุ่มบริษัท Stellantis ได้ออกมาเตือนว่าการห้ามใช้รถเครื่องยนต์สันดาปจะทำให้คนชั้นกลางที่เป็นกลุ่มคนส่วนใหญ่ไม่สามารถเข้าถึงรถยนต์ได้เนื่องจากรถอีวีจะมีราคาสูงเกินไป
ความเห็นของตาบาเรสสอดคล้องกับโอลิเวอร์ ซิปส์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของ BMW ที่มองว่าไม่ควรขจัดรถรุ่นเริ่มต้นออกไปด้วยการแบนเครื่องยนต์สันดาป ซึ่งจะเป็นอันตรายอย่างยิ่งในแง่ของสังคมและการเมือง
ขณะเดียวกัน การห้ามใช้เครื่องยนต์สันดาปยังถูกมองว่าจะเป็นประโยชน์ต่อจีนอย่างมาก เพราะบริษัทรถแดนมังกรเดินหน้าพัฒนารถยนต์ไฟฟ้าเพื่อรุกตลาดยุโรปพร้อมกับผลิตรถเครื่องยนต์สันดาปในอีกหลายภูมิภาค อย่างตะวันออกกลาง เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และอเมริกาใต้
เมื่อไม่กี่วันก่อนหน้านี้ Geely กลุ่มทุนยานยนต์ยักษ์ใหญ่จากจีนเดินหน้าเสริมความแข็งแกร่งในธุรกิจเครื่องยนต์ด้วยการจับมือเป็นพันธมิตรกับ Renault เพื่อสร้างเครื่องยนต์ที่มีความประหยัดและมีมลพิษต่ำ
ขณะเดียวกัน Geely ยังเปิดตัวแบรนด์รถยนต์ไฟฟ้าอย่าง Geometry ในยุโรปและเริ่มต้นทำตลาด้วยรุ่น Geometry C
ถึงแม้รัฐบาลจีนจะสนับสนุนรถยนต์ไฟฟ้าเต็มตัว แต่ก็ไม่ได้ห้ามใช้เครื่องยนต์สันดาปเสียทีเดียว พวกเขาตั้งเป้าหมายขายรถยนต์พลังงานใหม่ (รถยนต์ไฟฟ้า ปลั๊กอินไฮบริด และไฮโดรเจน) สัดส่วน 50% ภายในปี 2035 ซึ่งที่เหลืออีก 50% ก็คือรถที่ใช้เครื่องยนต์สันดาปดั้งเดิม
นโยบายดังกล่าวเปิดโอกาสให้จีนสามารถเลือกกำหนดทิศทางที่หลากหลายเพื่อตอบโจทย์ผู้บริโภคได้มากที่สุด อีกทั้งยังทำให้ระบบนิเวศยานยนต์ในจีนเติบโตและมีความแข็งแกร่งมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง
ตรวจสภาพรถ 175 จุด
รับประกันคืนเงินภายใน 30 วัน
การรับประกัน 1 ปี
ราคาคงที่ ไม่มีค่าธรรมเนียมแอบแฝง
{{variantName}}
{{carMileage}} กม.
{{registrationYear}} ปี
{{storeCity}}