รู้หรือไม่ว่า รถยนต์ไฟฟ้าต้องการใช้ยางที่แตกต่างจากรถเครื่องยนต์สันดาปอยู่พอสมควร ดังนั้น บริษัทยาง เช่น Continental, Hankook และ Michelin จึงต้องผลิตยางสำหรับรถยนต์ไฟฟ้าขึ้นมาโดยเฉพาะ
หลายครั้งผู้ใช้รถจะเลือกยางรถยนต์รุ่นที่ถูกหรือคุ้มค่าที่สุด แม้ว่าจะมีประสิทธิภาพของยางที่น้อยกว่ารุ่นอื่น ๆ ทั้งในเรื่องการยึดเกาะถนน ระยะเบรก ความนุ่มนวล เสียงยาง ความประหยัด รวมถึงประสิทธิภาพบนถนนเปียกและแห้ง
ซึ่งยางเกรดที่ดีกว่าก็มีแนวโน้มที่จะมีประสิทธิภาพที่ดีกว่า สำหรับรถเครื่องยนต์สันดาปแล้วยังเป็นเรื่องที่พอรับได้
แต่สำหรับรถ EV นั้น การใช้ยางที่ไม่เหมาะกับตัวรถนั้นอาจทำให้เกิดความผิดพลาดที่ทำให้เกิดค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้นตามมา มีเหตุผล 4 ประการที่ว่าทำไมยางรถ EV ถึงแตกต่างจากยางรถเครื่องยนต์สันดาปทั่วไป
ประการแรกคือ รถ EV มีน้ำหนักที่มากกว่าเนื่องจากต้องแบกน้ำหนักแบตเตอรี่ ตัวอย่างเช่น Volkswagen ID. 3 ที่มีขุมพลังไฟฟ้านั้นมีน้ำหนักมากกว่า Volkswagen Golf ถึง 30% โดยทั้งสองใช้แพลทฟอร์มและเป็นรถเซกเมนท์เดียวกัน
ประการต่อมาคือเรื่องของแรงบิด รถ EV นั้นมาพร้อมแรงบิดจากมอเตอร์ไฟฟ้าอันมหาศาล ที่สามารถส่งลงพื้นถนนได้ทันทีแม้จะไม่ใช่รุ่นสมรรถนะสูง แรงบิดที่มีนั้นอาจนำไปสู่การสึกหรอของยางที่มากกว่า
อีกประการหนึ่งคือเรื่องของเสียง เราทราบกันดีว่าระบบขับเคลื่อนของรถ EV จะไม่มีเสียงมารบกวน แต่สิ่งนี้จะทำให้เสียงลมและเสียงยางชัดเจนมากยิ่งขึ้น
ประการสุดท้ายนั่นคือความประหยัดละแรงต้านการหมุนของยาง โดยปัจจัยนี้ส่งผลกับรถทุกประเภท แต่ความต้านทางการหมุนของยางที่เพิ่มขึ้นราว 10% ในการขับขี่ระยะทางไกลอาจจะทำให้ผู้ใช้ EV กังวลต่อระยะทางขับขี่มากกว่าผู้ใช้รถเครื่องยนต์สันดาป
ด้วยเหตุนี้ ผู้ผลิตยางจึงต้องจัดการการสิ่งที่เพิ่มขึ้นเหล่านี้โดยเพิ่มความสามารถในการรับน้ำหนักโครงสร้างของตัวรถ เพิ่มความแข็งแรงของโครงสร้างแก้มยางเป็นพิเศษ และใช้วัสดุยางที่แข็งแรงขึ้น
อ่านเพิ่มเติม: รู้จัก Hankook iON ซีรี่ส์ยางที่ดีไซน์เพื่อ EV โดยเฉพาะ มั่นใจได้ว่าขับได้ไกลกว่ายางปกติ!
เมื่อปี 2021 ที่ผ่านมา Continental เคลมว่าตนเองนั้นเป็นคนแรกที่ได้ผลิตยางที่รองรับบรรทุกได้ในเกณฑ์ HL (High Load โดยมีดัชนีการบรรทุกที่ 825 กก.) ขณะที่ยางปกติที่มีขนาดเดียวกันนั้นจะได้รับเกณฑ์ว่าเป็น SL (ดัชนีการบรรทุกเพียง 94 กก.)
Continental ยังพัฒนายางที่ใช้ส่วนประกอบใหม่สำหรับรุ่น EcoContact 6 ที่เรียกว่า Green Chili 2.0 ซึ่งจะใช้พลังงานน้อยลงเมื่อเปลี่ยนรูป (ขณะหมุน) และลดอัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิง 15% เมื่อเทียบกับรุ่นก่อน ส่งผลให้ผู้ผลิตยางรายอื่นพัฒนาส่วนประกอบยางที่ลดการต้านทางการหมุนเพิ่มขึ้นอีกด้วย
ผู้ผลิตยางชื่อดังยังออกแบบดอกยางให้กระจายเพื่อสัมผัสกับพื้นผิวถนน ออกแบบโครงสร้างด้านในของยาง รวมถึงออกแบบส่วนของยางที่ยึดกับขอบล้อ โดยทั้งหมดนั้นล้วนมีผลต่อการหมุน ซึ่งเป็นสิ่งที่วิศวกรควรคำนึงถึงเมื่อพัฒนายางสำหรับรถ EV ที่มีน้ำหนักและแรงบิดที่มากกว่า
ความกว้างของดอกยางนั้นมีการออกแบบที่หลากหลายเพื่อช่วยลดเสียงจากการขับขี่ให้น้อยที่สุด แต่การออกแบบความกว้างดอกยางนั้นสำคัญมากขึ้นสำหรับ EV โดยชั้นของโฟมที่อยู่ด้านในนั้นจะช่วยดูดซับเสียงจากแรงสั่นสะเทือนอีกด้วย
โดย Continental เรียกวัสดุของชั้นโฟมที่เป็นโพลียูรีเทนนั้นว่า ContiSilent ซึ่งกล่าวว่าสามารถลดเสียงจากถนนได้ถึง 9dBA เลยทีเดียว
ผู้ผลิตยางรายอื่นอย่าง Michelin ก็มีเทคโนโลยีนี้เช่นเดียวกันในชื่อว่า Michelin Acoustic ส่วนอีกค่าย Hankook นั้นมีการเสนอแนวคิดใหม่ที่จะเป็การเพิ่มชั้นโฟมในรูปแบบของลายนูนที่ฐานของร่องยาง
อ่านเพิ่มเติม: Hyundai Group จับมือ Michelin พัฒนายางรถยนต์ไฟฟ้าให้เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมากขึ้น
ตรวจสภาพรถ 175 จุด
รับประกันคืนเงินภายใน 30 วัน
การรับประกัน 1 ปี
ราคาคงที่ ไม่มีค่าธรรมเนียมแอบแฝง
{{variantName}}
{{carMileage}} กม.
{{registrationYear}} ปี
{{storeCity}}