รถคุณมีอาการนี้หรือไม่ กับการสตาร์ทติดยาก ไฟไม่สว่าง หรือรถดับบ่อย นั่นอาจจะเป็นสัญญาณว่า จะต้องเปลี่ยนแบตเตอรี่กันแล้ว แล้วหากช่างถามว่า แบตเตอรี่แบบแห้งหรือแบบน้ำ ก็ตอบไม่ถูก เปลี่ยนมาผิดแบบเสียเวลาอีก วันนี้เรามาดูกันครับว่า แบตเตอรี่มันมีกี่ชนิดกัน จะได้เอาไปเลือกใช้ให้ถูก
แบตเตอรี่รถยนต์ เป็นอุปการณ์ที่คอยจ่ายพลังงานไฟฟ้าให้กับอุปกรณ์ในรถทั้งหมด ที่สำคัญคือ จะส่งกระแสไฟที่มีอยู่ในแบตเตอรี่ไปยังมอเตอร์สตาร์ท เพื่อทำการสตาร์ทเครื่องยนต์ให้ติดและทำให้ระบบไฟใช้งานได้ เช่น กระจก ไฟเบรก ไฟเลี้ยว
โดยแบตเตอรี่ จะมีอยู่ 2 รูปลักษณะคือ 1.แบบต้องเติมน้ำ และ 2. แบบไม่ต้องเติมน้ำ ซึ่งจะแบ่งเป็นอีก 4 ชนิดย่อย คือ
ถือได้ว่าเป็นแบตรถยนต์แบบดั้งเดิม แบตเตอรี่ชนิดนี้จะผลิตกระแสไฟฟ้าจากการทำปฏิกิริยาระหว่างตะกั่วที่เป็นวัตถุดิบหลักในการผลิต กับน้ำกรดที่อยู่ในแบตเตอรี่ ฉะนั้นเมื่อใช้งานนานแล้ว น้ำที่อยู่ในแบตเตอรี่จะมีการระเหยออกไป ต้องเติมและดูแลน้ำกลั่นบ่อย ๆ
แบตแบบนี้จะมีฝาด้านบน ไว้เติมน้ำกลั่นอย่างน้อยต้องเดือนละครั้ง มีข้อดีคือ ราคาไม่แพง ทนความร้อนได้ดี เหมาะกับรถที่ต้องวิ่งนาน ๆ ใช้งานหนัก และมีอายุการใช้งานประมาณ 1.5 – 2 ปี ระยะทางประมาณ 60,000-80,000 กิโลเมตร ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับสภาพการใช้งาน และการดูแล
จะคล้ายกับแบตเตอรี่แบบแห้ง แต่ยังต้องมีการเติมน้ำอยู่ เนื่องจากน้ำกรดภายในนั้นจะเข้มข้นกว่าน้ำกรดในแบตเตอรี่ชนิดน้ำมาก ทำให้ระเหยได้ช้ากว่า เติมเพียง 1-2 ครั้งต่อปีเท่านั้น ข้อดีคือราคาไม่แพงมาก ไม่ต้องเติมน้ำบ่อย เหมาะกับคนมีเวลา
ถูกพัฒนามาให้ไม่ต้องเติมน้ำกลั่น ซึ่งอันที่จริงแล้ว ภายในไม่ได้แห้งเสียทีเดียว เพียงแต่มีการใช้ของเหลวภายในที่ต่างกัน ที่ไม่ต้องทำการเติมน้ำกลั่น ไม่มีฝา แต่ยังสามารถตรวจเช็คดูได้ผ่านตาแมว แล้วแต่บริษัทที่ทำมา
ข้อดีคือ ไม่ต้องดูแลรักษาบ่อย เหมาะกับคนไม่ค่อยมีเวลา แต่อาจจะมีราคาแพงกว่าแบบน้ำและกึ่งแห้งเล้กน้อย มีอายุประมาณ 2-3 ปี
เป็นแบตเตอรี่รถยนต์แบบลูกผสมระหว่างแบบกึ่งแห้ง และแบบน้ำ ทำมาเพื่อแก้ไขข้อเสียของแบตตอรี่แบบน้ำที่มีการระเหยของน้ำสูง สามารถตรวจเช็คระดับน้ำได้ง่าย แต่ไม่ต้องเติมน้ำกลั่นบ่อยเท่า ประมาณ 6-9 เดือนครั้ง มักใช้กับรถที่ใช้งานหนัก ๆ เช่น รถบรรทุก รถโดยสาร หรือ รถรับจ้าง สามารถใช้ได้นาน แต่มีราคาแพงกว่าแบบอื่นเล็กน้อย
การใช้รถในชีวิตประจำวัน การใช้อุปกรณ์ไฟฟ้าในรถเป็นเวลานานอาจส่งผลต่อคุณภาพของแบตเตอรี่ได้ เช่น การเปิดไฟหน้าทิ้งไว้เป็นเวลานานขณะจอด หรือใช้อุกรณ์ไฟฟ้า วิทยุ แอร์ เวลาจอดรถไว้เฉย ๆ ก็จะส่งผลต่ออายุการใช้งานให้สั้นลง
ไม่ว่าจะแบตแบบไหน หากมีการดูแลหมั่นตรวจเช้คบ่อย ๆ ก็จะสามารถใช้ได้นานขึ้น การเลือกใช้ก็สำคัญเช่นกัน หากคุณเป็นคนที่เช้าแค่สตาร์ทรถออกไปทำงานเช้า ไม่มีเวลาดู ก็ควรจะใช้แบบแห้ง แค่ราคาแพงกว่าเล็กน้อย แต่หากต้องการความทนทาน ราคาถูก แบตแบบน้ำก้เป็นทางเลือกที่ดี แลกกับการคอยดูระดับน้ำ
อย่างไรก็ตาม การเลือกใช้ขึ้นอยุ่กับการใช้งานของแต่ละคน หากรถมีอาการแบบที่กล่าวไปข้างต้น ก็ได้เวลาเปลี่ยนแบตลูกใหม่กันแล้วนะครับ แต่หากจะให้แนะนำ เวลาช่างถามว่าเอาแบบไหน ใช้แบตเตอรี่แบบแห้งเถอะครับ จะได้ไม่ต้องมาเสียเวลาดูแล
ตรวจสภาพรถ 175 จุด
รับประกันคืนเงินภายใน 30 วัน
การรับประกัน 1 ปี
ราคาคงที่ ไม่มีค่าธรรมเนียมแอบแฝง
{{variantName}}
{{carMileage}} กม.
{{registrationYear}} ปี
{{storeCity}}