หลังจากที่ Ola Kallenius ซีอีโอคนล่าสุดของ Mercedes-Benz (เมอร์เซเดส-เบนซ์) เข้ารับตำแหน่งตั้งแต่ปี 2019 ค่ายรถดาวสามแฉกก็ได้รับการเปลี่ยนแปลงมากมาย มีการปรับเปลี่ยนโครงสร้างบริษัทอยู่หลายครั้ง
รายงานจาก Car and Driver ระบุว่า หลังจากนี้ การเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่เกี่ยวกับไลน์อัพของรถในอนาคตกำลังจะเริ่มขึ้น
- เหลือตัวถังเพียง 14 จากทั้งหมด 33 รูปแบบ
- รุ่นที่คาดว่าจะเลิกขาย
- รุ่นระดับบนจะทำเงินได้มากกว่า
เหลือตัวถังเพียง 14 จากทั้งหมด 33 รูปแบบ
Georg Kacher นักข่าวได้พูดคุยกับผู้จัดการคนหนึ่งที่ทำงานใน Mercedes 2 แห่งในเยอรมนี เขากล่าวว่า “จากสิ่งที่เราได้เห็น ตัวถังทั้งหมด 33 แบบของ Mercedes ที่มีในปัจจุบันในพื้นที่ยุโรปและอเมริกา จะมีเพียง 14 แบบเท่านั้นที่จะอยู่รอด”
การยุติการทำตลาดบางรุ่นเกิดจากความต้องการเพิ่มส่วนแบ่งการตลาด ผลตอบแทนการลงทุน (ROI) และการแสดงออกถึงแบรนด์ให้มากขึ้น จึงทำให้รถกลุ่มแรก ๆ ที่จะหยุดทำตลาดไปจะเป็นตัวถังแบบคูเป้ เปิดประทุน และวากอน
โดยผู้จัดการคนนั้นกล่าวกับ Kacher ว่า “ท้ายที่สุดแล้ว เราแค่ไม่ต้องการรถตัวถัง estate (วากอน) หรือรถสองประตูที่ยอดขายไม่ค่อยดีเพื่อเพิ่มปริมาณ”
รุ่นที่คาดว่าจะเลิกขาย
เราจะเห็นได้ว่า ก่อนหน้านี้ A-Class จะถูกยุติการทำตลาดลง C-Class และ E-Class ตัวถัง coupe และ convertible (เปิดประทุน) ที่มีทั้งหมด 4 ตัวถังจะถูกลดลงเป็น 2 กลายเป็น CLE-Class coupe และ convertible แทน
ส่วน CLS-Class นั้นหยุดพัฒนามา 3 ปีแล้วและกำลังจะเลิกทำตลาดในปี 2024 สำหรับ AMG GT 4-Door ก็ทำตลาดมาได้เกือบ 5 ปี แต่ก็จะหยุดทำตลาดตาม CLS ไปในปี 2024 หรือ 2025
โดยจะแทนที่ด้วยรถ 4 ประตูรุ่นใหม่ในปี 2026 ที่มาพร้อมขุมพลังไฟฟ้าล้วนแทนเครื่องไฮบริด V8
Mercedes ยังเปิดตัว GLC-Class รุ่นใหม่เมื่อปีที่แล้ว รวมถึง GLE-Class โฉมล่าสุดเมื่อไม่นานมานี้ โดยสำหรับเอสยูวีของค่ายดาวสามแฉกจะมีเพียงตัวถังปกติเท่านั้นที่ไปต่อ ทิ้งตัวถังคูเป้ไว้เบื้องหลัง
สำหรับตลาดยุโรปคงต้องบอกลา C-Class wagon ในปี 2028 และ E-Class wagon ในปี 2030 ส่วน CLA-Class จะกลายเป็นไฟฟ้าล้วนในปี 2025 และจะมีรุ่น CLA shooting brake ให้เลือกเป็นครั้งสุดท้าย
และมีความเป็นไปได้ที่อีกราว ๆ 2 รุ่น ระหว่าง 3 รุ่นนี้ ได้แก่ B-Class, GLA-Class และ GLB-Class ที่จะถูกยุติการตลาดด้วยเช่นกัน
อ่านเพิ่มเติม : Mercedes-Benz GLE และ GLE Coupe ไมเนอร์เชนจ์รุ่นปี 2024 ไฮบริดล้วน ขายไทยปีหน้า
เหลือเพียงรุ่นระดับบนที่ทำเงินได้มาก
สำหรับรุ่นที่เหลืออยู่นั้นจะต้องเป็นรุ่นที่ทำเงินได้มาก เช่น รุ่นระดับบนที่ทำกำไรต่อคันได้มากอย่าง Maybach และแบรนด์ใหม่ที่จะหรูหราขึ้นไปอีกขั้นและจำหน่ายรถแต่ละรุ่นในจำนวนจำกัดอย่าง Mythos โดยจะเรียกกลุ่มนี้ว่า "Top-End Luxury"
ในรถรุ่นกลางของ Mercedes จะเรียกว่า "Core Luxury" จะเป็นการเน้นถึงความสะดวกสบายที่หรูหราสำหรับผู้โดยสารภายในรถ รวมถึงคุณสมบัติต่าง ๆ เช่น แบตเตอรี่ขนาดใหญ่ การชาร์จที่เร็วกว่า และระยะทางที่ขับขี่ได้มากกว่า
ทำให้การปรับโครงสร้างครั้งใหม่ในอนาคต นอกจากตัวถังแบบนอกกระแสหลักจะถูกยุติการผลิตแล้ว ยังรวมถึงรถเล็กหรือที่ Mercedes เรียกว่า "Entry Luxury" ก็ถูกยุติการผลิตไปด้วย โดยจะนำเสนอรถรุ่นอื่นแทนในอนาคต
Kacher กล่าวว่า "องค์ประกอบที่สำคัญที่สุดในความยั่งยืนของรถยนต์หรูร่วมสมัยคือพื้นที่และเวลา…นั่นคือสิ่งสำคัญอันดับ 1 ของเรา ไม่ใช่ตัวถังรูปแบบที่ต่างกัน ไม่ว่าจะเป็นรูปแบบที่นิยมเฉพาะในยุโรป หรือโมเดลส่งท้ายของรุ่นที่ขายไม่ดี”
อ่านเพิ่มเติม : Mercedes-Benz ยืนกรานเหตุผลหั่นรถสปอร์ตทิ้งจนเกือบเกลี้ยง