Tesla Ford EV เทสล่า ฟอร์ด อีวี รถไฟฟ้า

• ตัวเลขผลการดำเนินงานของฟอร์ดไม่สวย
• แต่มัสก์ชี้เป็นเรื่องปกติสำหรับการลงทุนใหม่
• มาดูแผนงานของฟอร์ดกันว่าดีหรือแย่กันแน่

นายใหญ่ค่าย Tesla (เทสล่า) อย่าง Elom Musk ออกมาทวิตตอบเกี่ยวกับการที่ Meet Kevin ที่ปรึกษาทางด้านการเงินได้ออกมาวิเคราะห์ผลการดำเนินการของ Ford (ฟอร์ด) เกี่ยวกับธุรกิจยานยนต์ไฟฟ้า ที่ดูเหมือนจะมีตัวเลขผลการดำเนินงานที่ไม่สวยนัก โดยมัสก์ได้ยืนยันว่ายุทธศาสตร์ในภาพรวมของฟอร์ดเกี่ยวกับรถยนต์ไฟฟ้านั้น 'เป็นเรื่องที่ดูเฉลียวฉลาดดีอยู่'

มีต เควิน ได้ให้ข้อมูลว่าฟอร์ดได้เปิดเผยข้อมูลเกี่ยวกับตัวเลขผลกำไรสุทธิของรถยนต์ไฟฟ้าของพวกเขา และพบว่าผลประกอบการสุทธิทั้งหมดนั้นติดลบ 40% และมีการคาดการณ์ว่าจะติดลบที่ระดับ 20% ในปีนี้ ขณะที่เขาได้ให้ข้อมูลทางฝั่งเทสล่าเพิ่มเติมว่า แบรนด์ผู้นำตลาดรถยนต์ไฟฟ้าโลกนั้น มีผลกำไรสุทธิต่อการทำตลาดรถยนต์ไฟฟ้าสูงถึงระดับ 11.4% เลยทีเดียว

อย่างไรก็ตาม ดูเหมือนมัสก์จะไม่ค่อยเห็นด้วยกับความคิดของเขาสักเท่าไหร่ เพราะมัสก็ได้ระบุในทวีตของเขาว่า 'มันเป็นเรื่องยากเสมอในการพูดถึงการทำกำไรในไลน์รถยนต์รุ่นใหม่ ๆ โดยเฉพาะเมื่อต้องมีการเปลี่ยนแปลงเทคโนโลยีที่เป็นนัยสำคัญ ซึ่งผมคิดว่ายุทธศาสตร์ในภาพรวมของฟอร์ดเกี่ยวกับรถยนต์ไฟฟ้านั้นเป็นเรื่องที่ดูเฉลียวฉลาด เอฟ-150 ไลท์นิ่ง ก็มีความต้องการมากอยู่นะ'

ถามว่าฟอร์ดนั้นดูแย่ขนาดนั้นจริงหรือไม่ในตลาดอีวี มาลองดูแผนงานของพวกเขากัน...

แตกแผนกเดินหน้าธุรกิจอีวีโดยเฉพาะ

ก่อนหน้านี้ ฟอร์ดได้ทำการแยกกลุ่มธุรกิจที่ทำเฉพาะรถยนต์ไฟฟ้าโดยเฉพาะออกมาเรียกว่าแผนกโมเดล อี ซึ่งให้รูปแบบการบริหารและดำเนินการที่คล้ายคลึงกับธุรกิจแบบสตาร์ทอัพทั่วไป โดยมีเป้าหมานที่จะผลิตรถยนต์ไฟฟ้าให้ได้ถึง 6 แสนคันในสิ้นปีนี้ ก่อนจะเพิ่มการผลิตเป็น 2 ล้านคันในปี 2026 และจะกลายเป็นสินค้าหลักที่มีส่วนแบ่งของฟอร์ด 40-50% ภายในปี 2023 ซึ่งฟอร์ดได้ตั้งเป้าหมายที่จะมีผลกำไรรวมก่อนหักภาษีที่ 8% ภายในปีดังกล่าว

อ่านเพิ่มเติม: วิจัยเผย เจ้าของ Ford F-150 Lightning จะใช้ “ความเป็นรถกระบะ” จากรถมากกว่ารุ่นน้ำมัน

ทุกการเริ่มต้นใหม่จะต้องขาดทุนก่อนเสมอ

แน่นอนว่าเมื่อเป็นธุรกิจที่เกิดขึ้นมาใหม่ จะต้องพบกับการขาดทุนก่อนเสมอในการดำเนินการ และแน่นอนว่าโมเดล อี ก็ไม่รอดไปได้ หลังจากที่ขาดทุนมาแล้วประมาณ 2 พันล้านดอลล่าร์สหรัฐในปีที่ผ่านมา พวเขายังคาดการณ์ว่าจะขาดทุนต่อเนื่องอีก 3 พันล้านดอลล่าร์สหรัฐในปีนี้ ส่งผลให้ผลกำไรนั้นยังขาดทุนที่ราว 41% ขณะที่ผลการดำเนินการนั้น พบว่ามีตัวเลขรายรับก่อนหักรายจ่ายและภาษีอยู่ที่ 722 ล้านดอลล่าร์สหรัฐในช่วงไตรมาสแรกของปีนี้ หดตัวลงไปเล็กน้อยเมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า

แต่ทุกอย่างก็ยังเดินหน้าตามแผนงานที่วางไว้

รายได้ที่ลดลงนั้น ส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากการส่งมอบรถที่ช้าลงจากการปรับไลน์การผลิตเพื่อรองรับการผลิตสินค้ารุ่นใหม่ พวกเขามีเป้าหมายที่จะพัฒนาตัวเลขผลการดำเนินงานให้ดีขึ้นนับตั้่งแต่ปีนี้ ผสานไปกับการลงทุนใหม่ ๆ ทั้งโรงงานผลิตแบตเตอรี่และการเพิ่มไลน์การผลิตรถยนต์ โดยคาดว่าจะใช้เงินลงทุนประมาณ 1.14 หมื่นล้านดอลล่าร์สหรัฐ ซึ่งกว่าที่จะเห็นผลกำไรจากการลงทุนเหล่านี้ ก็น่าจะต้องใช้เวลาในการทำงานอีกสักพักใหญ่ ๆ เลยทีเดียว

อ่านเพิ่มเติม: คิดถูกหรือผิด? อีลอน มัสก์ ยืนยัน Tesla เน้นกระตุ้นยอดขายมากกว่าทำกำไร