New 2018 Ford Everest (2018 ฟอร์ด เอเวอเรสต์) คือการปรับโฉมครั้งใหญ่สุดของพีพีวีตัวท็อปจากค่ายฟอร์ด (Ford) เมื่อพวกเขาทำการเปลี่ยนหัวใจของรถอย่างเครื่องยนต์หันมาใช้เครื่องยนต์เทอร์โบทั้งหมด เสริมจากบรรดาอุปกรณ์และระบบอันยอดเยี่ยมที่มีอยู่
ผลที่ได้ก็คือการขึ้นเป็นรุ่นท็อปของตลาดด้วยค่าตัว ณ ขณะนี้ที่ 1.799 ล้านบาท ก่อนที่จะเพิ่งโดนรุ่นท็อปของโตโยต้า ฟอร์จูนเนอร์ เลเจนเดอร์ (Toyota Fortuner Legender) แซงไปเมื่อไม่นานนี้ แต่ก็ถือว่ายังเป็นคู่แข่งขวัญใจเศรษฐีขาลุยกันอยู่เหมือนเช่นเดิม
นอกเหนือจากการเปิดตัวรุ่นพิเศษสีใหม่หรือชุดตกแต่งจุกจิกที่เพิ่มขึ้นมาเป็นรุ่นย่อยใหม่ ฟอร์ดยังไม่ได้ทำการปรับอะไรที่จริงจังให้กับรถคันนี้ มาดูกันว่าเมื่อมีคู่แข่งมากขึ้นแล้ว ฟอร์ด เอเวอเรสต์ ยังเป็นรถที่น่าใช้งานอยู่ในตลาดหรือไม่ หรือควรเทใจไปหาคู่แข่งดีกว่ากัน
7 เหตุผลที่คนทั่วไปยังชอบเอเวอเรสต์
1.เครื่องยนต์สมรรถนะสูงสุดในตลาด
แม้เลเจนเดอร์จะทำการปรับสมรรถนะของเครื่องยนต์ขึ้นมาแล้ว แต่เครื่องยนต์ 2.0 ไบ-เทอร์โบของฟอร์ด ที่ให้กำลังสูงสุด 213 แรงม้า พร้อมด้วยแรงบิดสูงสุด 500 นิวตันเมตร ก็ยังถือเป็นเครื่องยนต์ที่สมรรถนะสูงที่สุดในตลาดพีีพีวีอยู่ดี และแน่นอนว่าเป็นเหตุผลที่หลายคนยังชื่นชอบมันอยู่
2.ระบบขับเคลื่อน 4 ล้อที่เข้าใจง่าย
สำหรับมือใหม่สายลุยนั้น ไม่มีอะไรที่ช่วยเหลือพวกเขาไปได้มากกว่าการทำทุกอย่างให้ง่ายที่สุดในการใช้งาน และระบบเทอร์เรน แมเนจเมนต์ (Terrain Management System) ของฟอร์ดนั้นก็ใช้งานง่าย ด้วยปุ่มหมุนพร้อมภาพประกอบที่เข้าใจได้แบบไม่ต้องท่องจำ 4H 4L ให้เสียเวลา
3.ห้องโดยสารที่ใช้งานง่ายดาย
นอกเหนือไปจากความเอนกประสงค์ของห้องโดยสารที่ให้มาแบบ 3 แถว 7 ที่นั่ง สามารถพับได้แยกส่วนตามความต้องการในการใช้งาน เอเวอเรสต์ยังเป็นพีพีวีคันเดียวในตลาดที่มาพร้อมเบาะที่นั่งแถวที่ 3 ที่พับเรียบได้ด้วยระบบไฟฟ้า ไม่เหลือเบาะไว้เกะกะที่วางสัมภาระแต่อย่างใด
4.ของเล่นเต็มคันไม่ต้องหาเพิ่ม
ฟอร์ด เอเวอเรสต์นั้นถือเป็นรถที่มีของเล่นเยอะมากอยู่แล้วนับตั้งแต่รุ่นก่อนหน้านี้ พวกเขาทำการเพิ่มทุกอย่างเข้าไปอีก ประตูท้ายไฟฟ้าแบบไม่ต้องเปิดด้วยมือ กุญแจสมาร์ทคีย์พร้อมปุ่มสตาร์ทเครื่องยนต์ รวมถึงระบบสั่งงานด้วยเสียง SYNC3 ที่ให้มาอย่างครบครัน
5.เพิ่มระบบความปลอดภัยให้อีก
จากระบบความปลอดภัยที่มีให้อยู่แล้ว ฟอร์ดเพิ่มระบบความปลอดภัยที่สำคัญเข้าไปก็คือ ระบบตรวจจับรถและคนเดินถนนด้านหน้า พร้อมระบบช่วยเบรกอัตโนมัติ ที่ทำงานด้วยเรดาร์และกล้องด้านหน้ารถ รวมถึงระบบตรวจจับลมยางรถยนต์ เพื่อเพิ่มความปลอดภัยในการใช้รถครบครัน
6.การออกแบบภายนอกที่ยังดูดี
แม้รูปลักษณ์ภายนอกจะไม่ได้ดูหวือหวามาจากโลกอนาคตเหมือนคู่แข่ง แต่การออกแบบภายนอกของเอเวอเรสต์ก็ยังถือว่าดูดี ด้วยล้ออัลลอย 20 นิ้วในรุ่นท็อป กระจังหน้าและกันชนท้ายใหม่ สีห้องโดยสารสีใหม่ และระบบไฟส่องสว่างทั่วคันแบบแอลอีดี ที่ติดตั้งมาให้พร้อม
7.ระบบเอนเตอร์เทนเมนต์ครบครัน
ระบบ SYNC3 ที่สามารถสั่งงานด้วยเสียง มาพร้อมหน้าจอระบบสัมผัส ขนาด 8 นิ้ว รองรับการเชื่อมต่อไว-ไฟ ยังมีช่องใส่แผ่นซีดี รองรับการเชื่อมต่อแอปเปิล คาร์เพลย์และแอนดรอยด์ ออโต้ ติดตั้งระบบนำทาง พร้อมระบบตัดเสียงรบกวน ลำโพง 9 ตำแหน่ง ซับวูฟเฟอร์และแอมปลิฟลายเออร์
3 เรื่องที่ต้องพิจารณาก่อนตัดสินใจ
1.เสียงเล่าลือเรื่องเกียร์ 10 สปีด
ฟอร์ดนั้นเป็นผู้เล่นรายแรกในตลาดที่นำเกียร์อัตโนมัติ 10 สปีดมาใช้กับรถกลุ่มนี้ และแน่นอนว่าเมื่อเป็นของเล่นใหม่ ก็ทำให้มีเสียงเล่าลือตามมากันมากมายเกี่ยวกับปัญหาที่เกิดขึ้นจากการใช้งาน โดยเฉพาะอาการเกียร์กระตุก ที่ฟอร์ดเองก็ไม่ได้นิ่งนอนใจและหาทางแก้ไขอยู่
2.น่าจะมีปรับอะไรเร็ว ๆ นี้
แม้จะมีการเปิดตัวรุ่นย่อยจุกจิกในรอบปีที่ผ่านมา แต่หากนับจากการไมเนอร์เชนจ์จริง ๆ ของรถคันนี้ก็ต้องย้อนเวลาไปเกือบ 2 ปีแล้ว เชื่อว่าฟอร์ดเองก็ต้องเตรียมที่จะทำอะไรบางอย่างกับรถคันนี้เหมือนกันในอนาคตอันใกล้ เพราะคู่แข่งก็จัดเต็มมาท้าทายกันอย่างเต็มที่แล้วนี่นา
3.ศูนย์บริการที่ขึ้นชื่อเหมือนกัน
ฟอร์ดนั้นมีชื่อเสียงในกลุ่มรถดีศูนย์ต้องคิดหนักมาอย่างยาวนาน และมีการพูดถึงปัญหาที่เกิดขึ้นกับการนำรถเข้ารับบริการกันหลายต่อหลายครั้งในเครือข่ายสังคมออนไลน์ ซึ่งแน่นอนว่าย่อมส่งผลกระทบต่อความเชือมั่นของผู้บริโภคในการตัดสินใจซื้อรถอยู่พอสมควรทีเดียว
ยังเป็นพีพีวีที่น่าใช้งานเหมือนเดิม
หากพูดถึงตัวรถเพียงอย่างเดียว 2018 Ford Everest คือหนึ่งในรถดัดแปลงบนพื้นฐานของรถปิกอัพ ที่ยังเป็นหนึ่งในผู้เล่นระดับท็อปของเซกเมนต์ ที่น่าใช้งานมากที่สุดคันหนึ่ง แม้ว่าจะมีคู่แข่งรายใหม่เกิดขึ้นมากมาย และเข้ามาท้าทายพวกเขาอย่างต่อเนื่องก็ตาม
ฟอร์ด เอเวอเรสต์นั้น มาพร้อมเครื่องยนต์สมรรถนะสูงสุดในตลาด ระบบการจัดการห้องโดยสารภายในที่ดีเยี่ยม อุปกรณ์ต่าง ๆ ที่ให้มาอย่างครบครัน และระบบความปลอดภัยที่ต้องเรียกว่าเป็นการสร้างมาตรฐานให้กับเซกเมนต์อย่างน่าชื่นชม และทำให้คู่แข่งต้องปรับตัวตาม
ปัญหาของพวกเขานั้นเป็นปัญหาสะสมในเรื่องของคุณภาพของสินค้าบางรุ่น และการดูแลของศูนย์บริการที่ทำให้ผู้บริโภคหลายคนยังลังเลว่าควรจะไปต่อกับรถคันนี้ หรือจะไปหาคู่แข่งที่ดูแล้วสบายอกสบายใจกว่าดี อันนี้คงต้องตัดสินใจกันให้ดี แต่หากมองที่ตัวรถอย่างเดียว คันนี้ไม่เป็นรองใครแน่นอน