ซีอีโอส่วนรถยนต์นั่งของ Volkswagen (โฟล์คสวาเกน) คิดว่าพลังงานไฮโดรเจนไม่เหมาะกับการนำมาใช้ในรถยนต์ส่วนบุคคล อย่างน้อยก็ในทศวรรษนี้
- บางค่ายคิดว่าไฮโดรเจนเป็นอนาคต
- ถังไฮโดรเจนกินพื้นที่ห้องโดยสาร
- Volkswagen เคยทำเองแล้ว แต่ล้มเลิกไป
บางค่ายคิดว่าไฮโดรเจนเป็นอนาคต
ในปัจจุบัน เราจะเห็นได้ว่าผู้ผลิตรถยนต์หลายรายได้กระจายความเสี่ยงด้านพลังงานของรถไปทิศทางอื่นนอกจากไฟฟ้า หนึ่งในนั้นคือพลังงานไฮโดรเจน ซึ่งมีผู้ผลิตรถไม่กี่รายที่คิดว่าไฮโดรเจนเป็นอนาคตที่น่าสนใจ ได้แก่ BMW, Toyota, และ Hyundai
window.googletag = window.googletag || {cmd: []}; googletag.cmd = googletag.cmd || []; googletag.cmd.push(function() { googletag.defineSlot('/22557728108/th_article_fourthp_under_pc', [
728,
90
], 'div-gpt-ad-1685678191139-0').addService(googletag.pubads()); googletag.pubads().enableSingleRequest(); googletag.pubads().collapseEmptyDivs(); googletag.enableServices(); });
googletag.cmd.push(function() { googletag.display('div-gpt-ad-1685678191139-0'); });
Thomas Schäfer ซีอีโอส่วนรถยนต์นั่งของ VW ได้ให้สัมภาษณ์แก่ Autobild.es สื่อสเปน ณ งาน CES 2023 ที่ผ่านมา โดยถูกถามเกี่ยวกับความคิดเห็นของเขาเกี่ยวกับระบบขับเคลื่อนด้วยไฮโดรเจน พบว่าสิ่งนี้อาจไม่เหมาะกับเขาเท่าไหร่นัก
อ่านเพิ่มเติม : BMW และ Toyota ร่วมกันพัฒนารถไฮโดรเจนฟิวเซล เตรียมผลิตขายจริงในปี 2025
ถังไฮโดรเจนกินพื้นที่ห้องโดยสาร
“ไฮโดรเจนไม่เหมาะกับเรา” เขากล่าว “ไม่เหมาะ เพราะไฮโดรเจนนั้นเป็นฟิสิกส์บริสุทธิ์และมีราคาสูง ไม่สามารถแข่งขันได้ โดยเฉพาะสำหรับรถยนต์นั่งส่วนบุคคล ซึ่งถัง (ไฮโดรเจน) จะกินพื้นที่ห้องโดยสาร โดยอาจจะเหมาะกับรถเพื่อการพาณิชย์ แต่ไม่ใช่รถยนต์นั่งส่วนบุคคล ดังนั้น ผมไม่เห็นว่าสิ่งนี้จะเป็นไปได้ในทศวรรษนี้ และไม่ใช่ที่ Volkswagen”
ไม่ใช่ครั้งแรก
ครั้งนี้ไม่ใช่ครั้งแรกที่ Volkswagen ค่อนขอดเกี่ยวกับแนวคิดเรื่องการใช้ระบบส่งกำลังไฮโดรเจนในรถยนต์นั่งส่วนบุคคล เพราะเมื่อ 3 ปีก่อน Matthias Rabe หัวหน้าฝ่ายเทคนิครถยนต์นั่งของ Volkswagen ก็เคยกล่าวว่าเทคโนโลยีฟิวเซลนั้นไม่ใช่ตัวเลือกของ VW
Volkswagen เคยทำเองแล้ว แต่ล้มเลิกไป
แต่ Volkswagen ไม่ได้ต่อต้านแนวคิดของระบบส่งกำลังไฮโดรเจนในรถยนต์นั่งส่วนบุคคลเสมอไป เนื่องจากในปี 2014 ได้มีการเปิดตัวรถต้นแบบ Passat HyMotion และ Golf Estate HyMotion และเคยมีแผนที่จะนำไปผลิตจริง
ขุมพลังรถทั้งสองรุ่นนี้มาพร้อมมอเตอร์ไฟฟ้าที่ให้กำลังสูงสุด 134 แรงม้า พร้อมแบตเตอรี่ลิเธียมไอออนและถังเก็บไฮโดรเจนที่ทำด้วยคาร์บอนไฟเบอร์ติดตั้งอยู่บริเวณพื้นรถ
ส่วน Audi แบรนด์ที่อยู่ใน Volkswagen Group นั้นเป็นผู้สนับสนุนการใช้ไฮโดรเจนมาอย่างยาวนาน เพราะเคยพัฒนาต้นแบบและแนวคิดเกี่ยวกับฟิวเซลมาก่อน แต่ในปี 2021 ก็ได้สรุปว่าพลังงานไฮโดรเจนนั้นไม่มีอนาคต
อ่านเพิ่มเติม : รถยนต์ Fuel-cell ยังไม่โต แต่เริ่มนิยมในรถบรรทุก รวมความคืบหน้าเชื้อเพลิงไฮโดรเจนในปี 2022
window.googletag = window.googletag || {cmd: []}; googletag.cmd = googletag.cmd || []; googletag.cmd.push(function() { googletag.defineSlot('/22557728108/th_article_relatedmodel_above_pc', [
728,
90
], 'div-gpt-ad-1685678175456-0').addService(googletag.pubads()); googletag.pubads().enableSingleRequest(); googletag.pubads().collapseEmptyDivs(); googletag.enableServices(); });
googletag.cmd.push(function() { googletag.display('div-gpt-ad-1685678175456-0'); });