Mitsubishi ประกาศเมื่อครั้งเปิดตัว Triton ครั้งแรกในโลกที่เมืองไทยว่ามีแผนการส่งออกรถกระบะออล-นิวรุ่นนี้ไปขายในประเทศญี่ปุ่น

นั่นทำให้เกิดคำถามตามมาว่า Mitsubishi เล็งเห็นโอกาสมากน้อยเพียงใดถึงส่งรถกระบะรุ่นใหม่ไปขายยังประเทศบ้านเกิด ความต้องการใช้งานรถกระบะมีมากเพียงใดในตลาดที่รถเคคาร์ขนาดเล็กได้รับความนิยมมากที่สุด

เป็นที่ทราบกันดีว่าตลาดรถยนต์ญี่ปุ่นมีเอกลักษณ์เฉพาะตัวสูง ระบบคมนาคมที่เรียกได้ว่าสมบูรณ์แบบได้ก่อร่างสร้างพฤติกรรมในกลุ่มผู้บริโภคแดนอาทิตย์อุทัยที่มักมองหารถยนต์ที่แสดงออกถึงตัวตนของตนเอง

ความคับแคบของท้องถนนยังเป็นอีกหนึ่งสาเหตุที่การใช้งานรถกระบะในญี่ปุ่นจึงไม่ใช่เพื่อการบรรทุกหนักเหมือนกับในเมืองไทยหรือตลาดเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เพราะหากผู้ใช้ต้องการบรรทุกสินค้า รถเคคาร์มินิทรัคอย่าง Daihatsu Hijet Truck ดูจะมีความเหมาะสมมากกว่า

ตลาดเฉพาะกลุ่ม

เมื่อปี 2017 ค่ายรถยักษ์ใหญ่อย่าง  Toyota นำเสนอ Hilux กลับคืนสู่ตลาดญี่ปุ่นอีกครั้งหลังจากว่างเว้นไปนาน 13 ปี แต่รถกระบะรุ่นนี้ไม่ได้ถูกวางตำแหน่งการตลาดให้เป็นรถเพื่อการพาณิชย์ แต่เป็นรถปิกอัพแนวตอบสนองไลฟ์สไตล์

Toyota ไม่ได้ตั้งเป้ายอดขาย Hilux ไว้สูงมากนัก โดยส่งออกไปจากโรงงานในไทยเพียงปีละประมาณ 2,000 คันเท่านั้น ส่วนหนึ่งเป็นเพราะตามกฎหมายของญี่ปุ่น รถกระบะถูกจัดให้อยู่ในกลุ่มรถเพื่อการพาณิชย์ ซึ่งต้องมีการตรวจสอบสภาพอันเข้มงวดเป็นประจำทุกปีและยังเสียค่าธรรมเนียมใช้ทางพิเศษที่สูงกว่ารถยนต์นั่งอีกด้วย

กระนั้น Hilux ก็กลายเป็นสัญลักษณ์ของผู้ที่มีไลฟ์สไตล์เอาท์ดอร์ในญี่ปุ่น ราคาจำหน่ายของรถกระบะรุ่นนี้เริ่มต้นถึง 4 ล้านเยน เทียบเท่ากับ Mercedes-Benz A-Class เลยทีเดียว

ความสำเร็จของ Toyota Hilux อาจมีส่วนที่ทำให้ Mitsubishi ตัดสินใจส่งออก Triton จากเมืองไทยไปยังญี่ปุ่นบ้าง โดยเริ่มต้นจากในปี 2024 หลังจากหยุดทำตลาดรถกระบะในบ้านเกิดไปนานถึง 12 ปี

มีความเป็นไปได้สูงว่า Mitsubishi จะส่งตัวท็อป Triton Athlete เพียงรุ่นย่อยเดียวไปยังตลาดญี่ปุ่น เพื่อให้เป็นรถแนวไลฟ์สไตล์โดยตรง และไม่ต้องแปลกใจหากรถกระบะรุ่นนี้จะจอดเคียงข้างบรรดาเอสยูวีหรูอย่าง Mercedes-Benz G-Class หรือตัวลุยอย่าง Jeep Wrangler ในย่านสุดหรูอย่างกินซ่าหรือร็อปปองงิ