- รอเปิดราคา
- ขับขี่โหมดไฟฟ้า 100% ได้สูงสุดถึง 201 กม.
- มีอะไรเพิ่มเติมอีกไหม?
All New HAVAL H6 Plug-in Hybrid SUV (ฮาวาล เอช6 ปลั๊กอิน ไฮบริด เอสยูวี) เปิดตัวแล้วในประเทศไทยอย่างเป็นทางการ มีขุมพลังของระบบปลั๊กอินไฮบริดเพิ่มเติมจากรุ่นก่อน โดยสามารถขับขี่ในโหมดไฟฟ้า 100% ได้สูงสุดถึง 201 กม. เลยทีเดียว
การเปิดตัวในไทยครั้งนี้ยังไม่มีการเปิดราคาเกิดขึ้น แต่หากเทียบกับประเทศบ้านเกิดอย่างจีนแล้ว HAVAL H6 PHEV นั้นอาจมีราคาสูงกว่ารุ่นไฮบริดทั่วไปราว 15-20% ซึ่งเป็นจำนวนเงินที่ไม่น้อย ราคาที่เพิ่มขึ้นมานั้นจะมีอะไรบ้าง ลองมาดูกัน
มิติตัวถัง
มิติตัวรถ ของ 2023 Haval H6 PHEV นั้นจะเท่ากับเวอร์ชั่น HEV ทุกประการ โดยมีความยาว 4,683 มม. ความกว้าง 1,886 มม. ความสูง 1,730 มม. และมีระยะฐานล้อ 2,738 มม. รถคันนี้อยู่ภายใต้แพลทฟอร์ม GWM LEMON PLATFORM
รุ่นและสีรถยนต์
- สีรถภายนอก จะมีทั้งหมด 5 สี ได้แก่สีขาว ดำ เทา น้ำเงิน และแดง
- สีรถภายใน จะมี 2 สี ได้แก่ สีทูโทน และสีดำ-เทา
ภายนอกดีไซน์ใหม่ด้านหน้า
ภายนอกของรถมาพร้อมกระจังหน้า Star Matrix สีโครเมียมขนาดใหญ่ เพิ่มเอกลักษณ์ของรถให้มากขึ้น ซึ่งมีเฉพาะรุ่น PHEV เท่านั้น
ไฟหน้า Intelligent LED Headlamp ที่ให้ความสว่างแบบ Ultra-High Flow มาพร้อมระบบอัจฉริยะ ได้แก่ ระบบเปิด-ปิดไฟหน้าอัตโนมัติ ระบบปรับไฟสูง-ต่ำอัตโนมัติ และไฟส่องนำทางหลังดับเครื่องยนต์ (Follow me home)
ฟังก์ชั่นใหม่อีกอย่างของรุ่น PHEV คือระบบประตูท้ายเปิด-ปิดไฟฟ้า พร้อมระบบแฮนด์ฟรี ซึ่งช่วยในการเก็บสัมภาระให้สะดวกสบายยิ่งขึ้น
นอกจากนี้ อุปกรณ์ต่าง ๆ นั้นได้รับถ่ายทอดจากรุ่นก่อนหน้ามาอย่างครบครัน ได้แก่
- ไฟท้าย LED Taillight Strip ดีไซน์เป็นแนวยาว พร้อมไฟเบรกดวงที่ 3 แบบ LED
- หลังคาพาโนรามิคซันรูฟขนาดใหญ่ 1.2 ตร.ม. พร้อมกับสปอยเลอร์ท้าย และเสาอากาศแบบ ครีบฉลาม
- ล้ออัลลอยลายสปอร์ต ขนาด 19 นิ้ว พร้อมยางขนาด 235/55 R19
ภายในที่ยังให้ประโยชน์ใช้สอยครบครัน
ภายในของ 2023 H6 PHEV ยังคงออกแบบในสไตล์ Minimalist ที่เน้นความกว้างขวาง สะดวกสบาย โดยยังเป็นการตกแต่งในสีทูโทน พร้อมตกแต่งด้วยวัสดุสี Rose Gold, Silver, Piano Black, Chrome ทำให้ห้องโดยสารดูเรียบหรู สะอาดตา
หน้าจอภายในห้องโดยสารของ H6 PHEV นั้นนำมาจากรุ่นก่อน ดังนี้ ได้แก่
- หน้าจอสัมผัส HD Touch Screen Audio Display ขนาด 12.3 นิ้ว รองรับ Apple CarPlay, Android Auto รวมถึงระบบนำทาง
- หน้าจอมาตรวัดดิจิตอล HD Multi Information Display ขนาด 10.25 นิ้ว และ
- หน้าจอ Head Up Display เพื่อแสดงข้อมูลการขับขี่บนกระจกบังลมหน้า
นอกจากนี้ ฟังก์ชั่นภายในห้องโดยสารยังให้มาอย่างครบครัน ได้แก่
- เบาะนั่งไฟฟ้าคู่หน้า พร้อมระบบระบายอากาศ เบาะนั่งคนขับปรับไฟฟ้าได้ 6 ทิศทาง พร้อมระบบดันหลังปรับด้วยระบบไฟฟ้า และเบาะผู้โดยสารด้านหน้าปรับไฟฟ้า 4 ทิศทาง พร้อมปุ่มปรับตำแหน่งเบาะผู้โดยสารด้านหน้าจากด้านคนขับ
- เบาะนั่งโดยสารด้านหลัง พร้อมที่เท้าแขนกลาง ช่องปรับอากาศสำหรับผู้โดยสารด้านหลัง และช่องเสียบ USB
- พื้นที่ห้องโดยสารอเนกประสงค์ โดยเบาะนั่งโดยสารด้านหลังสามารถแยกพับเบาะได้แบบ 60:40 เพิ่มความสะดวกในการจัดเก็บสัมภาระ
- ระบบปรับอากาศอัตโนมัติ แยกอิสระซ้าย-ขวา พร้อมระบบกรองอากาศ PM2.5
- Wireless Charger แค่วางก็ชาร์จ Smart Phone ได้ง่ายๆ สะดวกและรวดเร็ว
- Ambient Light สวยงาม และช่วยสร้างบรรยากาศภายในห้องโดยสาร
- Electronic Shifter ชุดเกียร์ไฟฟ้า ดีไซน์หรู พร้อมสีพิเศษแบบ High gloss
- กุญแจ Smart Key และระบบ Push Start
เครื่องยนต์เดิม เพิ่มเติมระบบไฮบริดแบบปลั๊กอิน
HAVAL H6 PHEV มาพร้อมขุมพลังจากเครื่องยนต์ 1.5 ลิตร Turbo ทำงานร่วมกับมอเตอร์ไฟฟ้าให้กำลังรวมสูงสุด 326 แรงม้า ให้แรงบิดสูงสุด 530 นิวตันเมตร จับคู่กับระบบเกียร์แบบ DHT ที่สร้างขึ้นเพื่อรองรับระบบการขับเคลื่อนที่หลากหลายของรถยนต์ไฮบริด เมื่อทํางานร่วมกับเครื่องยนต์ สร้างการขับเคลื่อนอย่างมีพลังและประหยัดน้ำมัน
สำหรับระบบไฮบริดแบบปลั๊กอิน จะใช้การจับคู่กับแบตเตอรี่ชนิดลิเธียม Ternary ความจุ 34 kWh มีระยะทางวิ่งสูงสุด 201 กม. ต่อการชาร์จหนึ่งครั้ง (มาตรฐาน NEDC)
โดยการชาร์จจะใช้หัวชาร์จไฟฟ้าแบบ CCS Type 2 combo (Combined Charging System) รองรับการชาร์จแบบเร็วด้วยไฟกระแสตรง (DC) และการชาร์จแบบไฟบ้าน (AC) ดังนี้
- การชาร์จแบบเร็วด้วยไฟฟ้ากระแสตรง DC (0% - 80%) ประมาณ 35 นาที
- การชาร์จแบบธรรมดาด้วยไฟฟ้ากระแสสลับ AC (0% - 100%) ประมาณ 6 ชั่วโมง
โดยระยะเวลาการชาร์จจะขึ้นอยู่กับปัจจัยต่าง ๆ เช่น ระดับแบตเตอรี่ที่เหลืออยู่ และกำลังไฟของสถานีชาร์จนั้น ๆ เป็นต้น
2023 H6 PHEV จะสามารถเลือกระบบการขับขี่ได้ 2 ระบบ คือ ระบบไฮบริด และระบบไฟฟ้า แต่ละระบบมาพร้อมโหมดการขับขี่ 4 แบบ ได้แก่ โหมดมาตรฐาน โหมดสปอร์ต โหมดประหยัด และโหมดสภาพถนนลื่น
อ่านเพิ่มเติม : Haval เปิดตัว H6 PHEV วิ่งไฟฟ้าได้ถึง 201 กม. ฝันร้ายของ MG HS PHEV?
ระบบความปลอดภัย
สำหรับระบบความปลอดภัยของ H6 PHEV ยังจัดเต็มมาให้เช่นเคย ไม่มีระบบไหนที่ถูกตัดออกไปเลย ได้แก่
- ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบแปรผันพร้อมการช่วยเข้าโค้งอัจฉริยะ (Intelligent ACC)
- ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติที่ความเร็วต่ำ (TJA) ช่วยควบคุมรถให้ติดตามรถด้านหน้าหรือขับต่อไปด้วยความเร็วคงที่เพื่อลดภาระของผู้ขับขี่
- ระบบช่วยจอดรถอัตโนมัติ 3 รูปแบบ (IIP) ทั้งแนวตรง แนวจอดเทียบข้าง และแนวเฉียง
- ระบบช่วยถอยหลังอัตโนมัติ (ARA) ในขณะที่ขับรถต่ำกว่า 30 กม./ชม.
- กล้องแสดงภาพรอบทิศทาง 360 องศา
- ระบบเบรกฉุกเฉินอัตโนมัติบนทางตรงและทางแยก (AEBI)
- ระบบช่วยเตือนและเบรกเมื่อมีรถในจุดอับสายตาขณะถอยหลัง (RCTB)
- ระบบช่วยเลี่ยงการเข้าใกล้รถใหญ่จากด้านข้าง (WDS)
- ระบบช่วยควบคุมรถให้อยู่ในเลน (LKA)
- ระบบช่วยเตือนเมื่อรถออกนอกเลน (LDW)
- ระบบช่วยรักษาระยะให้อยู่กลางเลน (LCK)
- ระบบช่วยควบคุมรถให้อยู่ในเลนในภาวะฉุกเฉิน (ELK)
- ระบบช่วยเตือนมุมอับสายตา (BSD)
- ระบบช่วยชะลอความรุนแรงของการเกิดการชนซ้ำครั้งที่ 2 (SCM)
- ระบบช่วยลงทางลาดชัน (HDC)
- ระบบช่วยออกตัวบนทางชัน (HSA)
- ระบบช่วยเตือนการเปิดประตู (DOW)
- ระบบตรวจความดันลมยาง (TPMS)
- ระบบช่วยเตือนความเมื่อยล้าขณะขับขี่ (DFM) ช่วยประเมินและวิเคราะห์ลักษณะในการขับขี่
นอกจากนี้ 2023 H6 PHEV ยังมาพร้อมฟังก์ชั่นอัจฉริยะ (Intelligent Functions) ได้แก่
- การอัพเกรดเฟิร์มแวร์ผ่านระบบออนไลน์ (FOTA)
- การสั่งงานด้วยเสียง (Voice Command) เป็นการเพิ่มความสะดวกสบายให้แก่ผู้ขับขี่และลดความเสี่ยงในการเกิดอุบัติเหตุ โดยผู้ขับขี่สามารถสั่งการและโต้ตอบด้วยเสียงเพื่อใช้งานฟังก์ชั่นต่าง ๆ ภายในรถ
- GWM Application ระบบที่จะช่วยให้ผู้ขับขี่สามารถควบคุมและเชื่อมต่อฟังก์ชั่นของรถยนต์ได้ แม้ผู้ขับขี่จะอยู่ในระยะที่ไกลจากตัวรถ
เราจะเห็นได้ว่า 2023 HAVAL H6 PHEV ยังคงนำออพชั่นและการใช้งานจากรุ่นก่อนมาอย่างครบถ้วน สิ่งที่เพิ่มเติมมาอย่างเห็นได้ชัดในรุ่นนี้ คือขุมพลังแบบปลั๊กอินไฮบริด ที่สามารถขับขี่ในโหมดไฟฟ้า 100% ในระยะทางไกล ๆ ได้ รวมถึงออพชั่นบางอย่างที่เติมเต็มความต้องการของลูกค้าให้มากขึ้น
อ่านเพิ่มเติม : ชม 3 จุดแข็งระบบไฮบริดของ Great Wall Motor ที่จะส่งค่ายรถจีนแซงหน้า Toyota