รถชนแล้วถุงลมนิรภัยไม่ทำงาน ใช่ปัญหาหรือว่าปกติ?

ถุงลมนิรภัยเป็นนวัตกรรมที่ถูกคิดค้นมาเกือบ 50 ปีเข้าไปแล้ว และเป็นสิ่งที่ช่วยชีวิตของคนนับล้านจากอุบัติเหตุบนท้องถนน สำหรับคนจำนวนมาก แอร์แบคเป็นเหมือนกับสิ่งยึดเหนี่ยวจิตใจ มีติดรถไว้ก็อุ่นใจเสมอ

ในช่วงหลังมานี้ ภาพของอุบัติเหตุหลายครั้งแพร่กระจายลงบนโลกโซเชี่ยลมีเดียจำนวนมาก และผู้คนก็สังเกตว่า แม้อุบัติเหตุนั้นจะทำให้รถพังยับ แต่ถุงลมนิรภัยไม่ทำงาน หลายคนก็ตั้งคำถามว่า สรุปที่บริษัทรถใส่มาเป็นถุงลมนิรภัยเก๊หรือเปล่า? เพราะเราทุกคนเป็นคนที่รู้จักตั้งข้อสังเกตในทุกรายละเอียดที่ไม่ตรงใจเรา

แต่ใช่หรือเปล่าที่การที่ถุงลมนิรภัยไม่ทำงานนั้นเป็นปัญหา? วันนี้เราจะมาอธิบายถึงหลักการทำงาน และสาเหตุที่ทำให้บ่อยครั้งแม้จะเกิดอุบัติเหตุที่ดูร้ายแรง แต่ถุงลมนิรภัยก็ไม่กางออกมาเสียอย่างนั้น

ถุงลมนิรภัยทำงานอย่างไร?

ถุงลมนิรภัย ใช้ระบบเซนเซอร์ตรวจจับแรงที่กระทำต่อตัวรถ ถ้าหากท่านมีโทรศัพท์มือถืออยู่ในมือ ท่านอาจจะทราบว่าโทรศัพท์นั้นมีระบบ Accelerometer ที่ใช้ตรวจจับแรงในแต่ละด้าน เซนเซอร์ของถุงลมนิรภัยนั้นมีความซับซ้อนน้อยกว่าเสียอีก แม้ว่าจะทำงานในหลักการเดียวกัน

ระบบเซนเซอร์ของ Subaru XV (ซูบารุ เอ็กซ์วี)

เซนเซอร์ทิ่ติดกับรถยนต์ จะเป็นคันโยกที่ติดอยู่กับสวิชต์วงจรที่เปิดอยู่ เมื่อใดที่เกิดอุบัติเหตุร้ายแรงพอที่ทำให้คันโยกนี้ปิดวงจรนั้น ถุงลมนิรภัยก็จะเกิดทำงานขึ้นมา บริษัทรถยนต์ทุกค่ายปรับแต่งแรงที่ใช้ในการกระทำเพื่อที่จะให้คันโยกหันไปอย่างพอดี

 

Airbag Switch (ขอบคุณภาพจากยูทูบเบอร์ สปีดคาร์99)

บนรถทุกคันจะมีสวิชต์คันโยกดังกล่าวนี้อยู่หลายตำแหน่งด้วยกัน หนึ่งมุมรถก็จะมีสวิชต์นี้ตามตำแหน่ง เช่น หน้ารถมุมซ้ายขวา และในแผงประตูทุกบาน เพื่อที่จะตรวจสอบว่าแรงกระทำมาจากด้านไหน เพื่อที่จะใช้กางถุงลมนิรภัยในด้านนั้นอย่างถูกต้อง

ถึงกระนั้น ไม่ใช่ทุกกรณีที่ถุงลมนิรภัยควรจะทำงาน

ก่อนอื่น เราต้องเข้าใจว่าถุงลมนิรภัยควรจะเป็นตัวเลือกสุดท้ายในทุกกรณี

สิ่งที่เราต้องเข้าใจกัน คือ ในทุกกรณีที่เกิดอุบัติเหตุ ถ้าเป็นไปได้ เราไม่ต้องการที่จะให้ถุงลมนิรภัยทำงาน เนื่องจาก 3 สาเหตุด้วยกัน

ดูในภาพ เหมือนจะนุ่ม ๆ ความจริงแล้วไม่ใช่เช่นนั้น

อย่างแรกคือ แม้ว่าถุงลมนิรภัยในรูปภาพจะดูเหมือนหมอนนุ่ม ๆ ที่เอาไว้รองรับศีรษะของผู้โดยสาร แต่ในความเป็นจริง ความรู้สึกของการใช้งานถุงลมนิรภัยนั้น เทียบเท่าได้กับการโดนต่อยหน้าโดยนักมวยระดับ Featherweight เสียมากกว่า แต่ในทางกลับกัน ถ้าหากไม่มีถุงลมนิรภัย การกระแทกนั้นก็จะหนักหนาสาหัสกว่ามาก

อย่างที่สอง หลักการทำงานของถุงลมนิรภัยนั้น อธิบายได้อย่างสั้นก็คือ ทำงานโดยใช้ระเบิดเป็นตัวสร้างลมพองถุงผ้าในระยะเวลาอันรวดเร็วนั้น และนั่นส่งผลสองอย่างด้วยกัน อย่างแรกคือ ผู้โดยสารที่อยู่ในบริเวณนั้น อาจจะเกิดรอยไหม้บนผิวหนังจากสารเคมี เสียงดังมากจนแก้วหูอาจจะแตกได้ และสารเคมีก็อาจจะเข้าไปในปอดจนไม่ได้กลิ่นอย่างอื่นเลยเป็นอาทิตย์

รอยไหม้จากเคมี เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นได้เมื่อถูกแอร์แบค

และอย่างสุดท้าย ถ้าหากถุงลมนิรภัยกางเมื่อไหร่ อุปกรณ์ภายในที่เราจะต้องเปลี่ยน ก็จะมีราคาโดดขึ้นไปสูงมาก เพราะแผงหน้าปัด รวมไปถึงแตรพวงมาลัย อันเป็นจุดใส่แอร์แบคเอาไว้ ก็ต้องถูกเปลี่ยนยกชิ้น

ด้วยเหตุทั้งหมดนี้ ถุงลมนิรภัยจึงไม่ควรจะเป็นสิ่งที่ใช้กันทิ้งขว้าง ไม่ใช่ว่าทุกกรณีที่เกิดอุบัติเหตุ ถุงลมนิรภัยจะต้องกางออกมา เนื่องจากผลกระทบที่ตามมานั้นมีมาก

นอกจากนี้ ถุงลมนิรภัยอาจสร้างอันตราย ถ้าหากใช้ไม่ถูกต้อง

ถ้าหากท่านเป็นผู้ขับขี่ที่ชอบหักพวงมาลัยแบบมือไขว้กัน เมื่อรถเกิดอุบัติเหตุและมือไขว้อยู่ ถุงลมนิรภัยที่มีแรงกระทำมากอาจจะทำให้แขนของท่านหักได้ เช่นเดียวกับกรณีที่ชนเมื่อมือกำลังกดแป้นแตรอยู่ ก็อาจทำให้ข้อมือหักได้เช่นกัน

ความปลอดภัยเต็มพิกัด แต่ก็มีข้อจำกัดของมันอยู่

หรือกรณีร้ายแรงที่สุด ถ้าหากท่านกางนิ้วโป้งออกไป โดยที่มือยังจับพวงมาลัยอยู่ แล้วถุงลมนิรภัยเกิดกางขึ้นมา อาจจะทำให้เกิดการสูญเสียนิ้วมือได้เช่นกัน

หลายกรณีที่เคยเกิดขึ้นจนเป็นปัญหา คือเมื่อถุงลมนิรภัยระเบิดออกมาเมื่อเราไม่ต้องการ

หนึ่งในกรณีที่เป็นที่รู้จักกันมากที่สุด คือกรณีการเรียกคืนถุงลมนิรภัยของ Takata ที่นอกเหนือจากจะกางออกมาที่ความเร็วต่ำ ยังมีสะเก็ดระเบิดที่เป็นเหล็ก ซึ่งมีแรงทะลุทะลวงถึงหลังคารถได้เลยทีเดียว อันส่งผลทำให้เกิดความสูญเสียหลายครั้งจนเป็นประเด็นขึ้นมาเมื่อหลายปีก่อน

ปัญหานี้โด่งดังไปทั่วโลก รถในไทยถูกเรียกเข้าไปแก้ไขเกือบหมดแล้ว

อีกกรณีที่เกิดขึ้นไม่บ่อยเท่า แต่ก็เคยมีเช่นกัน คือเมื่อรถตกหลุมบนท้องถนนแรง แล้วเกิดถุงลมนิรภัยกางขึ้นมาเสียอย่างนั้น ก็เป็นสิ่งที่ต้องกังวลกันมากกว่าถุงลมนิรภัยไม่กาง

ชนแรงแล้ว ถูกมุมแล้ว แต่ถุงลมนิรภัยก็ไม่ทำงานอยู่ดี นั่นเป็นปัญหาใช่ไหม?

อุบัติเหตุที่ทำให้รถพังยับนั้น แค่ 25 กิโลเมตรต่อชั่วโมงก็เพียงพอแล้วที่จะสร้างความเสียหายมหาศาล แต่นั่นไม่ได้หมายความว่าถุงลมนิรภัยจะมีความจำเป็น ถ้าหากผู้โดยสารคาดเข็มขัดนิรภัย ซึ่งมีระบบล็อค ก็จะเพียงพอต่อการรั้งเหนี่ยวเอาไว้ให้ไม่ไปกระแทกกับพวงมาลัยหรือแผงหน้าปัด

ระยะความกว้างของเซนเซอร์ก็มีข้อจำกัดเช่นกัน

ในอีกมุมมองหนึ่ง เซนเซอร์ที่ใช้ตรวจจับแรงกระทำนั้น มีรัศมีการทำงานที่เฉพาะ เช่น การชนด้านท้าย หรือเมื่อรถพลิกคว่ำ ถุงลมนิรภัยก็อาจไม่ทำงานเนื่องจากไม่มีแรงกระทำที่ด้านหน้าหรือหลัง จึงทำให้บางครั้งเมื่อชนแบบเฉี่ยว ๆ หรือแฉลบ ถุงลมนิรภัยก็จะไม่กางออกมา

ถึงกระนั้น ก็มีกรณีที่ถุงลมนิรภัยไม่กางแบบไม่ถูกต้องเช่นกัน

แม้ในกรณีส่วนมากที่ถุงลมนิรภัยไม่กาง จะเกิดขึ้นเพราะไม่มีความจำเป็นต้องกาง แต่กรณีที่ถุงลมนิรภัยไม่กางเพราะเกิดปัญหา ก็มีอยู่จริงเช่นกัน

ไฟเตือนนั้นถูกทำให้เป็นมาตรฐาน เหมือนกันทุกยี่ห้อ

รถทุกคันมีสัญลักษณ์รูปถุงลมนิรภัยอยู่บนแผงหน้าปัด ซึ่งมักจะแสดงเมื่อวงจรของระบบถุงลมนิรภัยถูกตัดให้เปิดอยู่ ความเข้าใจของหลายคนคือเมื่อวงจรถูกตัด ถุงลมนิรภัยอาจจะกางเอง แต่ไม่ใช่เช่นนั้นครับ ถ้าสายไปหายไปเส้นหนึ่ง ก็จะไม่มีแรงไปจุดระเบิดแล้ว ระบบนี้ไม่ใช่ระเบิดที่เหมือนกับระเบิดของผู้ร้ายในภาพยนตร์

ในอีกทางหนึ่ง ถ้าหากเกิดกรณีปัญหาขึ้นมา บริษัทรถก็มักจะเรียกเข้าไปทำการแก้ไขโดยไม่เสียค่าใช้จ่าย แม้ว่ารถจะไม่อยู่ในระยะประกันแล้วก็ตาม

กล่าวโดยสรุป

ถุงลมนิรภัยนั้นไม่ใช่สิ่งที่จำเป็นในทุกกรณี ท่านอาจจะคิดว่าเราย้ำแล้วย้ำอีกทำไม แต่จนกระทั่งท่านได้สัมผัสแรงต่อยของถุงลมนิรภัย ท่านก็อาจจะไม่เข้าใจว่าทำไมจึงเป็นเช่นนั้น

นอกเหนือจากนั้น ถุงลมนิรภัยที่ถูกออกแบบมา ก็มีข้อจำกัดอยู่ ทั้งระบบเทคโนโลยีที่ใช้คันโยกสวิชต์เปิดปิด อีกทั้งยังมีตำแหน่งการวางที่อาจจะส่งผลให้ถุงลมนิรภัยไม่ทำงานในบางกรณี นี่คือสาเหตุที่เราควรจะติดตามผลการทดสอบการชนจากนานาประเทศเอาไว้เสมอ เนื่องจากดีไซน์ของรถเกี่ยวกับรถบบถุงลมนิรภัย มักจะเหมือนกันทั่วโลก

ถึงกระนั้น ก็มีความเป็นไปได้ที่ถุงลมนิรภัยจะไม่ทำงานเนื่องจากความผิดพลาดของการผลิต หรือปัญหาของตัวรถ นั่นเป็นสาเหตุที่เราไม่ควรจะละเลยความสงสัยที่เราตั้งไว้แต่แรกนั่นเช่นกัน เพียงแต่เราก็ไม่ควรจะนั่งจับผิดไปทุกกรณีนะครับ ควรจะเข้าใจหลักการทำงานเพื่อให้มั่นใจว่าเป็นความผิดพลาดจริง ๆ ก่อน

โครงสร้างของรถก็มีความสำคัญไม่แพ้กัน

สุดท้ายนี้ ความปลอดภัยสูงสุดที่จะเกิดขึ้น ก็คือการไม่ขับรถไปเกิดอุบัติเหตุที่ไหนตั้งแต่แรกนะครับ ขับรถกันอย่างระมัดระวัง อย่าคิดว่ารถที่ปลอดภัย มีระบบช่วยหลากหลาย จะทำให้ขับรถยังไงก็ได้ ไม่ต้องระวังก็ได้ อันเป็นสาเหตุทำให้อัตราการเสียชีวิตยังคงสูงอยู่ แม้ว่าความปลอดภัยของตัวรถจะมากขึ้นทุกวัน

    Channel:
ติดตามพวกเราได้ที่:
Boris

นักเขียน

Boris รู้เรื่องเกี่ยวกับรถยนต์ในทุกส่วน ตั้งแต่การผลิตจนถึงมือเจ้าของ ถ้ามีเรื่องใดที่เขาไม่รู้ เขาจะไม่ทำอย่างอื่นจนกว่าจะได...

ซื้อรถถูกกว่า ขายรถเร็วขึ้น

ผู้ใช้ แลกรถในฝันแล้ว
เพิ่มรถของคุณ

แลก

Honda City

ขายรถมือสอง

ตรวจสภาพรถ 175 จุด

รับประกันคืนเงินภายใน 30 วัน

การรับประกัน 1 ปี

ราคาคงที่ ไม่มีค่าธรรมเนียมแอบแฝง

ดูเพิ่มเติม

วีดีโอสั้นที่เกี่ยวข้อง

ข่าวล่าสุด

Mitsubishi ลงทุนผลิตเครื่อง 4N16 Hyper Power ใหม่ ให้ใช้งานได้เกิน 400,000 กม.ขึ้นไป

การผลิตเครื่องยนต์ใหม่ 2.4 ลิตร ไฮเปอร์ พาวเวอร์ รุ่นใหม่ ถึงขั้นต้องปรับปรุงโรงงานขนานใหญ่ ให้เป็นไปตามมาตรฐานญี่ปุ่น ซึ่งจะทำให้การประกอบเครื่องยนต์มีความสมบูรณ์แบบมากที่สุด พร้อมเผยเคล็ดลับความทนทานของเครื่อง 4n16 ใหม่ในรถ 2023 Mitsubishi Triton (มิตซูบิชิ ไทรทัน) โฉมล่าสุด เปลี่ยนสายพานการผลิตเครื่องยนต์ มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ประเทศไทย ยกระดับสายการผลิตให้ all-new Triton ต้อนรับการมาของรถรุ่นใหม่ และเครื่องยนต์ใหม่ 2.4 ลิตร ไฮเปอร์ พาวเวอร์ โดยใช้หุ่นยนต์อันทันสมัยมากกว่า 250 ตัว ทำหน้าที่ในการ

Mercedes-Benz เตรียมใช้แบตเตอรี่ Blade ของ BYD ในรถอีวี

Mercedes-Benz (เมอร์เซเดส-เบนซ์) ตกเป็นข่าวว่าเตรียมหยิบยืมเทคโนโลยี Blade Battery ของ BYD มาใช้ในรถยนต์ไฟฟ้าของตนเอง สำนักข่าว CBEA ของจีนรายงานโดยอ้างแหล่งข่าววงในว่า รถยนต์รุ่นแรกของ Mercedes-Benz ที่จะใช้แบตเตอรี่ของ BYD คือ All-New CLA รุ่นใหม่ที่สร้างบนแพลตฟอร์ม 800V MMA แต่ยังไม่มีความชัดเจนว่าจะเป็นเวอร์ชั่นที่จำหน่ายในจีนเท่านั้นหรือในต่างประเทศด้วย ข่าวดังกล่าวแพร่สะพัดตั้งแต่ต้นเดือนกันยายนที่ผ่านมา สำนักข่าว CBEA รายงานด้วยว่าค่ายรถยักษ์เยอรมันจะเริ่มต้นการผลิตรถยนต์ไฟฟ้ารุ่นใหม่ที่ใ

ส่อง MG ZS 7 คัน มือสองดาวน์น้อย ผ่อนสบาย จากทาง CARSOME

วันนี้ เราเอาใจคนรักครอบครัวที่กำลังหาซื้อรถมือสอง ด้วย MG ZS มือสอง คุณภาพเยี่ยมถึง 7 คันพร้อมโปรโมชันสุดปังอย่าง CARSOME Easy Sale ดาวน์น้อย ผ่อนง่าย จ่ายไหว ที่ให้ทุกคนผ่อนรถมือสองได้ง่ายๆ เริ่มต้นเพียง 4,xxx บาทต่อเดือน แถมยังมียอดดาวน์น้อย จ่ายได้สบายกระเป๋า แถมมีสิทธิ์เป็นผู้โชคดี ได้เงินคืนรวม 5 แสนบาท*** พร้อมความคุ้มค่าแบบจุกๆ อีกเพียบ ที่สำคัญ ยังมั่นใจได้ว่า รถมือสองทุกคันจาก แพลตฟอร์มซื้อ-ขายรถยนต์มือสองออนไลน์ที่ใหญ่ที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ อย่าง CARSOME ยัง ผ่านการตรวจเช็กอย่

Honda ยืนยันร่วมใช้เทคโนโลยีชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าของ Tesla

Honda (ฮอนด้า) เป็นบริษัทรถยนต์รายล่าสุดต่อจาก Ford และ General Motors ที่จะใช้เทคโนโลยีชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าของ Tesla สำนักข่าว Asahi ของประเทศญี่ปุ่นรายงานว่า Honda ประกาศยืนยันอย่างเป็นทางการแล้วว่าจะใช้พอร์ทชาร์จไฟเร็วของ Tesla ในรถยนต์ไฟฟ้าที่จะออกจำหน่ายในภูมิภาคอเมริกาเหนือตั้งแต่ปี 2025 เป็นต้นไป ก่อนหน้านี้ Ford และ General Motors ประกาศนโยบายคล้ายคลึงกันหลังบรรลุข้อตกลงกับ Tesla ในเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา ขณะที่ Rivian อีกหนึ่งบริษัทรถยนต์สัญชาติอเมริกันก็จะเดินตามรอยด้วยเช่นกัน นักวิเคราะห์เ

วิศวกร Honda พัฒนาระบบป้องกันเมาหัวในรถยนต์ไฟฟ้าที่มีอัตราเร่งทันใจ

ทีมงานฝ่ายวิศวกรรมของ Honda (ฮอนด้า) พัฒนาระบบควบคุมอัตราเร่งในรถยนต์ไฟฟ้าที่ช่วยป้องกันไม่ให้เกิดอาการเวียนหัวหรือเมารถ เป็นที่ทราบกันดีว่าอัตราเร่งของรถยนต์ไฟฟ้าที่มีแรงบิดให้ใช้แบบทันทีทันใดนั้นตอบสนองต่อเท้าขวาของผู้ขับขี่ได้เป็นอย่างดี แต่อาจจะไม่ถูกใจผู้โดยสารที่นั่งอยู่บนเบาะหน้าข้างคนขับหรือเบาะหลังเท่าใดนัก ธรรมชาติของรถยนต์ไฟฟ้านั้นทำงานด้วยความเงียบสงบ ราบรื่น ปราศจากเสียงเครื่องยนต์รบกวน แต่อัตราเร่งที่เกิดขึ้นแบบกระทันหันอาจส่งผลต่อประสาทรับรู้การเคลื่อนไหวของหูชั้นในที่ทำงานไม่ประส

รถแนะนำสำหรับคุณ

ยอดนิยมล่าสุดอัพเดท
ฮิต
MG

MG ZS

THB 689,000 - 799,000

ชมรุ่นรถ
MG

MG Maxus 9

THB 2,499,000 - 2,699,000

ชมรุ่นรถ
MG

MG ES

THB 959,000

ชมรุ่นรถ
Honda

Honda WR-V

THB 799,000 - 869,000

ชมรุ่นรถ
รุ่นใหม่
BMW

BMW X7

THB 5,999,000 - 8,959,000

ชมรุ่นรถ
BMW

BMW XM

THB 14,899,000

ชมรุ่นรถ
GAC

GAC Aion Y Plus

THB 1,069,900 - 1,299,900

ชมรุ่นรถ
Toyota

Toyota Vellfire

THB 4,129,000

ชมรุ่นรถ
Subaru

Subaru Levorg

THB 1,890,000

ชมรุ่นรถ
Mercedes-Benz

Mercedes-Benz Sprinter

THB 3,790,000

ชมรุ่นรถ