ลองของ 2021 ORA Good Cat 400 PRO มีดีมากกว่าน่ารัก ขับดี ออพชั่นมีพอ ปัญหาอื่น ๆ ถามมาตอบได้!!!

2021 ORA Good Cat (โอร่า กู๊ดแคท) คือรถยนต์ไฟฟ้ารุ่นแรกจาก GWM (เกรทวอลล์มอเตอร์) ที่จะเปิดราคาจำหน่ายอย่างเป็นทางการในวันที่ 29 ตุลาคมนี้ ในฐานะรถยนต์รุ่นที่ 2 ของค่ายในการบุกตลาดประเทศไทย ต่อเนื่องจาก 2021 Haval H6 HEV (ฮาวาล เอช6) ที่เปิดตัวไปก่อนหน้านี้

ด้วยยอดจองแบบถล่มทลายหลังการเปิดตัว 1 วันกว่า 4,600 คัน ทำให้หลาย ๆ คนแตกตื่นว่าแมวดีรุ่นนี้กำลังจะเข้ามาพลิกโฉมหน้าตลาดรถยนต์ในประเทศไทยหรือไม่ แต่เอาจริง ๆ แม้แต่ทีมงานของเกรทวอลล์เองที่เคยมีประสบการณ์มาแล้วจากเอช6 ก็รู้ว่าตัวเลขดังกล่าวนั้นไม่ใช่ตัวเลขที่แท้จริง

เพราะการเปิดให้จองสิทธ์แบบไม่เสียค่าใช้จ่าย ทำให้ลูกค้าที่ยังลังเลและไม่แน่ใจ สามารถกดจองสิทธิ์เอาไว้ได้ก่อน และเลือกที่จะเดินหน้าต่อหรือยกเลิกก็ได้หลังการประกาศราคา แต่อย่างไรก็ตาม สิ่งที่แสดงให้เห็นจากตัวเลขนั้น ก็คือมีลูกค้าจำนวนหนึ่งที่ให้ความสนใจกับแบรนด์และสินค้ารุ่นนี้

อ่านเพิ่มเติม: 2021 ORA Good Cat กับยอดจอง 4,296 คันใน 24 ชั่วโมง จริงจังแค่ไหนกับตัวเลขนี้...

เกรทวอลล์นั้นประกาศเปิดตัวรถยนต์ไฟฟ้าอย่างกู๊ดแคท 3 รุ่นในประเทศไทย ประกอบไปด้วยรุ่นท็อปที่มาพร้อมระยะทางวิ่ง 500 กิโลเมตร พร้อมอุปกรณ์อำนวยความปลอดภัยระดับสูงสุด และมีทางเลือกเวอร์ชั่น 400 กิโลเมตรที่มีอุปกรณ์ลดหลั่นกันลงมาอีก 2 รุ่นย่อย เพื่อให้ลูกค้าเป็นเจ้าของได้ง่ายขึ้น

เมื่อสมรรถนะแทบไม่มีความแตกต่างกัน การได้ทดลองรุ่น 400 PRO ที่น่าจะเป็นรุ่นขายเยอะที่สุดของรุ่นนี้ก็ถือว่าไม่เลวร้าย AutoFun Thailand จับคู่กับน้องแมวเบอร์ 14 สีฟ้า โครอล บลู ซึ่งถือเป็นสีที่แปลกใหม่ ขับไปทางไหนก็มีแต่คนมองตลอดทาง เรียกว่าเราไม่ค่อยเจอรถยนต์สีนี้ในประเทศไทย

อ่านเพิ่มเติม: GWM รับจอง ORA Good Cat 3 รุ่น วิ่ง 400-500 กม. รับแพคเกจ 2 แสนบาท ประกาศราคาสิ้นเดือน

นอกเหนือจากความน่ารักน่าสนใจของตัวรถแล้ว ต้องยอมรับว่า ตัวรถเองก็มีความโดดเด่นด้วยการขับขี่ด้วยไฟฟ้า ที่ให้การตอบสนองที่ยอดเยี่ยม แม้จะมีปัญหาจุกจิกในบางเรื่องที่ต้องแก้ไข หรืออุปกรณ์บางอย่างที่เราอยากให้ปรับปรุง แต่ก็เชื่อว่าไม่ได้เป็นปัญหาใหญ่ เพราะแต่ละจุดนั้นก็ไม่ได้แก้ยากอะไร

นอกจากนี้ เรายังมีโอกาสคุยกับทีมงานของ GWM เกี่ยวก้บคำถามมากมาย ลุยน้ำได้ไหม ทำไมใช้แบตเตอรี่ต่างกัน ตกลงแล้วประกันดูแลอะไรให้บ้าง ไปจนถึงปัญหาของการซื้อประกันภัยชั้น 1 ของรถรุ่นนี้ ที่จะตอบกันในช่วงท้าย ๆ ของบทความนี้ แต่ขอเริ่มที่การขับขี่รถคันนี้ก่อนก็แล้วกัน...

0-100 ใน 9 วินาที และความเร็วสูงสุด 155 กิโลเมตรต่อชั่วโมง

เชื่อว่าหลาย ๆ คนต้องอยากรู้การตอบสนองของเครื่องยนต์และระบบส่งกำลังของรถคันนี้ เราลองมาให้แล้วสำหรับมอเตอร์ไฟฟ้าที่ให้กำลังสูงสุด 143 แรงม้า​ พร้อมด้วยแรงบิดสูงสุด 210 นิวตันเมตร​ ซึ่งทางโอร่าระบุว่าวิ่งจาก 0-50 กิโลเมตรต่อชั่วโมงใน 3.8 วินาที ซึ่งเป็นความเร็วสำหรับในเมือง

แต่เพื่อให้หายสงสัยในโหมดการทดสอบปกติ เราเลยแอบเอารถไปลอง 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงมาให้ด้วย และพบว่าสามารถวิ่งได้ที่ 9.11 วินาทีในโหมด Auto และ 9.03 วินาทีในโหมดสปอร์ต และสามารถทำความเร็วสูงสุดบนกล่องวัดความเร็วที่ 155 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ขณะที่หน้าจอโชว์ 158

อันนี้เป็นอัตราเร่งที่เราทำได้ในรุ่น 400 PRO ซึ่งมีน้ำหนักเบากว่ารุ่น 500 ULTRA อยู่ 55 กิโลกรัม โดยรุ่น 400 นั้นจะมีน้ำหนักที่ 1,495 กิโลกรัม และรุ่น 500 จะอยู่ที่ 1,550 กิโลกรัม ซึ่งให้เดา ในรุ่นใหญ่กว่าก็น่าจะให้อัตราเร่งที่แย่กว่าเล็กน้อย เพราะน้ำหนักรถที่เพิ่มมาก็มีผลมากพอสมควรในการขับขี่จริง

พวงมาลัยคม เข้าโค้งดี แต่อยากให้ปรับเรื่องเสียง

การควบคุมรถนั้นทำได้อย่างง่ายดาย พวงมาลัยมีความแม่นยำสูงทั้งทางตรงและทางโค้ง ไม่ว่าคุณจะใช้ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบแปรผัน หรือคุณจะควบคุมมันด้วยตัวเอง แมวน้อยก็จะพุ่งทะยานไปอย่างง่ายดายทั้งย่านความเร็วต่ำไปยันสูงแบบไม่อิดออด เรียกว่าเอาอยู่ทุกโค้ง

แต่สิ่งที่เกิดขึ้นจากการทดสอบก็คือเสียงที่เข้ามาตัวรถค่อนข้างมาก ไม่ว่าจะเป็นเสียงของยางบดถนนหรือลมปะทะตัวรถด้านหน้าก็ตาม แน่นอนว่าเป็นปัญหาของรถไฟฟ้าเกือบทุกรุ่น เมื่อไม่มีเสียงดังของเครื่องยนต์มารบกวน ก็ทำให้ผู้ขับขี่นั้น จะรู้สึกไวกับเสียงอื่น ๆ ที่เกิดขึ้นระหว่างขับขี่

ปัญหาอีกอย่างก็คือเข้ายาง Giti ที่ติดตั้งมาให้กับรถที่เราทำการทดสอบนั้น อาจจะเป็นอีกจุดที่ผู้บริโภคตัดสินใจเปลี่ยนไปหายางที่นุ่มและสบายกว่าในอนาคต เพราะยางรถยนต์นั้น ไม่อยู่ในส่วนหนึ่งของแผนการรับประกัน หากต้องการเปลี่ยน ก็สามารถทำได้เลยทันที แบบไม่ต้องรออะไร

ภายนอกสวย น่ารัก แต่อยากให้ปรับไฟถอย-เลี้ยวด้านหลัง

การออกแบบห้องโดยสารภายนอกของรถนั้น ได้รับอิทธิพลการออกแบบจากแบรนด์รถสปอร์ตอย่าง Porsche (ปอร์เช่) พอสมควร ส่วนหนึ่งเป็นเพราะหัวหน้าฝ่ายออกแบบเคยทำงานที่แบรนด์นั้นมาก่อน และได้ออกมาเป็นตัวถังแบบ Retro Futuristic ที่สวยงามและดูลงตัว 

ระบบไฟแบบแอลอีดีทั้งระบบ โคมไฟกลมด้านหน้าล้อมกรอบด้วยไฟเดย์ไทม์ ที่จะเปลี่ยนมาเป็นไฟเลี้ยวเหมือนที่คุ้น ๆ กันใน MINI (มินิ) มีลูกเล่นกราฟฟิกตรงมุมกันชนหน้า ด้านท้ายโดดเด่นด้วยสปอยเลอร์ขนาดไหน ไฟเลี้ยวดวงที่ 3 พร้อมด้วยแถบไฟเบรกที่ติดตั้งที่ด้านล่างของกรอบกระจกหลัง

ขณะที่ตำแหน่งของไฟเลี้ยวด้านท้ายและไฟถอย ถูกทำให้มีขนาดเล็กลงและติดตั้งที่ตำแหน่งมุมกันชนหลังด้านล่าง ซึ่งโดยความรู้สึกของผมมันอยู่ที่ตำแหน่งที่ต่ำเกินไป เอาเป็นว่าถ้าคุณขับโอร่าตามหลังกันเอง คุณจะมองไม่เห็นไอ้ไฟ 2 ดวงที่ว่านี่เลย ถ้าจะช่วยยกมาไว้ระดับสายตาก็จะดีมาก

ห้องโดยสารภายในกว้างขวาง แต่นั่งไกลยังไม่สบายนัก

การออกแบบภายในห้องโดยสารนั้นเน้นความเด่นด้วยความเรียบหรูดูดี แต่มีออพชั่นที่ล้นเหลือ ห้องโดยสารด้านหน้าแบบเรียบ มีปุ่มให้ใช้งานเพียง 5 ปุ่ม ที่เหลือจะเน้นการควบคุมผ่านจอสัมผัสตรงกลาง รวมไปถึงการใช้พวงมาลัยมัลติฟังชั่นส์ ที่มีปุ่มให้เลือกใช้งานเต็มไปหมดถึง 17 ปุ่มบนพวงมาลัย

แผงแดชบอร์ดนั้นเลือกใช้วัสดุที่ดีในการสัมผัส แต่ช่วงล่างของรถนั้นกลับใช้พลาสติกแบบธรรมดามาก ๆ ทำให้สัมผัสดูแตกต่างกันชัดเจน ขณะที่ห้องโดยสารครึ่งบนที่ตกแต่งด้วยผ้าสีอ่อนก็ทำให้นึกถึงรถยนต์ยุคเก่า ๆ มันทำให้บอกได้ยากว่ารถคันนี้ออกแบบมาอย่างล้ำสมัย แม้จะมีมีจอใหญ่ก็ตาม

ตำแหน่งการนั่งทุกจุดมีปัญหาเรื่องเข่าลอย และการรองรับน้ำหนักของแผ่นหลังที่ไม่ค่อยพอดี ทำให้นั่งทางไกลมีอาการเมื่อยล้าอยู่ ส่วนหนึ่งเป็นเพราะแรงสั่นสะเทือนที่มาจากช่วงล่างนั้นค่อนข้างชัดเจน โดยเฉพาะผู้โดยสารตอนหลังที่อาจจะรู้สึกถึงการสั่นสะเทือนมากหน่อยเวลาข้ามถนนขรุขระ

ออพชั่นเยอะแยะ แต่ของที่ขาดไปก็ควรเพิ่มให้

แน่นอนว่าจุดเด่นของรถคันนี้อยู่ที่หน้าจอขนาดยักษ์ 17.25 นิ้ว ที่เป็นการนำหน้าจอสัมผัสขนาด 10.25 นิ้วตรงกลาง มาจัดวางให้เชื่อมต่อกับหน้าจอแสดงข้อมูลการขับขี่ขนาด 7 นิ้ว และมีแทรกด้วยมาตรวัดพลังงานและแสดงสถานะการใช้งานพลังที่อยู่ด้านซ้าย-ขวาของหน้าจออันเล็กหลังพวงมาลัย

ติดตั้งถุงลมนิรภัยคู่หน้าและม่านถุงลมมาให้เป็นออพชั่นด้านความปลอดภัยพื้นฐาน พร้อมด้วยที่ชาร์จไฟแบบไร้สาย จอกลางเชื่อมต่อแอปเปิล คาร์เพลย์ได้ โดยรวม ๆ แล้วก็ถือว่าไม่ได้ขาดอุปกรณ์อะไร แต่ถ้าเป็นไปได้ เราอยากได้พวงมาลัยที่ปรับเข้า-ออกได้ด้วย จากที่ให้มาปรับได้แค่ขึ้น-ลง

เข็มขัดนิรภัยคู่หน้า ควรให้แบบปรับความสูง-ต่ำมาได้เช่นเดียวกัน ตำแหน่งที่วางแก้วตรงประตูนั้นใช้งานได้ยาก ใส่แก้วน้ำขนาดมาตรฐานลงไปตรง ๆ ไม่ได้ ผู้โดยสารตอนหลังไม่มีช่องแอร์มาให้ และจะต้องแย่งกันใช้ที่ชาร์จไฟที่มีมาให้เพียงตำแหน่งเดียว นอกนั้นก็ถือว่ามีอุปกรณ์ที่ครบครันดีอยู่แล้ว

ติดตั้งอุปกรณ์เอาใจผู้ขับขี่ในยุคปัจจุบัน

จริง ๆ แล้ว GWM มีการเลือกใช้ระบบและอุปกรณ์ต่าง ๆ ที่คิดมาเพื่อเอาใจกลุ่มลูกค้ายุคใหม่ ที่ใช้ชีวิตในสังคมปัจจุบันมากมายหลายระบบ ไม่ว่าจะเป็นการเชื่อมต่อกับแอพพลิเคชั่น เพื่อตรวจสอบและควบคุมรถในหลายกิจกรรม หรือแม้แต่การสั่งงานด้วยเสียง ที่ใช้งานได้ดีในหลายฟังชั่นส์ในรถคันนี้

ระบบปรับอากาศของรถนั้น มาพร้อมกับความสามารถในการกรองฝุ่น PM2.5 ที่กลายเป็นปัญหาหลักในทุกหน้าหนาวของประเทศไทยไปเสียแล้ว รถยังมาพร้อมเบรกมือไฟฟ้าและระบบ Auto Hold เพื่อความสะดวกสบายในการใช้งาน เบาะไฟฟ้าผู้ขับขี่ปรับได้ 6 ทิศทาง แต่ให้มาตัวเดียวเท่านั้นในรถ

กระจกไฟฟ้ารอบคันแบบ one touch ทุกบาน มีช่องชาร์จไฟและเชื่อมต่อสำหรับผู้โดยสารตอนหน้าแบบครบครัน เอาจริง ๆ ก็ถือว่าเป็นรถที่ให้ทุกอย่างมาแล้วสำหรับการใช้ชีวิตในรถคันนี้ เพียงแต่ยังมีอุปกรณ์หลายตัวที่มองว่าสามารถพัฒนาให้ดีกว่าเดิมได้ เก็บไว้เป็นการบ้านตอนปรับโฉมก็แล้วกันนะ

การสตาร์ทและดับเครื่องยนต์สำหรับแมวดี

หลาย ๆ คนที่มาลองขับอาจจะสงสัยเรื่องการใช้งานรถ เปิดรถเข้าไปแล้ว ไม่ต้องมองหาปุ่มสตาร์ทเครื่องยนต์ แค่เหยียบเบรกค้างเอาไว้จนหน้าจอขึ้นคำว่า READY ก็พร้อมใช้งานทันที และเมื่อจอดรถแล้ว เข้าเกียร์ N ออกจากรถ กดล็อกรถไปเลย ไม่ต้องดับเครื่องให้เสียเวลา สะดวกดีเหมือนกันนะ

ทำไมแบตเตอรี่เป็นคนละตัวกันใน 2 รุ่น

รุ่น 400 ใช้แบตเตอรี่ลิเธียมไอออนฟอสเฟต แต่รุ่น 500 ใช้แบตเตอรี่ลิเธียมเธอนารี่ ต่างกันที่แบตเตอรี่ของรุ่น 500 จะสามารถอัดประจุไฟได้สูงกว่า ทำให้ควบคุมน้ำหนักของรถได้ แต่รุ่น 400 จะรองรับไซเคิลการชาร์จได้ดีกว่า ถามมาให้แล้วว่าถ้าแบตเตอรี่พัง ราคาแตกต่างกันไม่มากใน 2 รุ่นนี้ สบายใจได้

ชาร์จไฟที่ไหนได้บ้างตอนนี้

GWM อยู่ระหว่างการเจรจากับตัวแทนจำหน่ายทั้งหมด หน่วยงานเอกชนและภาครัฐ เพื่อร่วมมือกันขยายเครือข่ายสถานีบริการชาร์จไฟในอนาคต ตอนนี้ก็ใช้วอลล์ชาร์จที่แถมมาให้ที่บ้านกันไปก่อน โดยรุ่น 400 จะใช้เวลาชาร์จ 8 ชั่วโมงและรุ่น 500 จะชาร์จจนเต็มในเวลา 10 ชั่วโมงเท่านั้นเอง

การชาร์จไฟแบบความเร็วสูงไวขนาดไหน

แบตเตอรี่ของรถยนต์ไฟฟ้าจะถูกจำกัดความไวในการชาร์จหลังผ่าน 80% ไปแล้ว เพื่อความปลอดภัยในการใช้งาน แต่หากใช้ที่ชาร์จ DC ที่รองรับความไวสูงสุด 60 กิโลวัตต์ จาก 30% จนถึง 80% ในรุ่น 400 จะใช้เวลา 32 นาที และรุ่น 500 ใช้เวลา 40 นาที เพียงพอต่อการวิ่ง 300-400 กิโลเมตรแน่นอน

ลุยน้ำได้ลึกขนาดไหนกันแน่ น้ำท่วมกลัวไม่กลัว

ด้วยความสูงจากใต้ท้องรถที่สูงเพียง 145 มิลลิเมตร GWM ยืนยันว่า ORA Good Cat นั้นสามารถลุยน้ำได้ที่ระดับความลึก 30 เซนติเมตรสบาย ๆ แบบไม่พัง ส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากการออกแบบแบตเตอรี่ให้มีมาตรฐาน IPX9K ที่รองรับทั้งน้ำ ฝุ่นและการกระแทกได้อย่างสบาย แต่ถ้าเสียคือเปลี่ยนทั้งก้อนเท่านั้น

ประกันชั้น 1 ปีละกี่บาทสำหรับรถคันนี้

จากการสอบถามทีมงานของ GWM พบว่าความใหม่ของรถนั้นทำให้ประกันภัยยังไม่เข้าใจเกี่ยวกับแบตเตอรี่และระบบรถยนต์ไฟฟ้า ที่ส่งผลต่อการประเมินราคาประกันอยู่พอสมควร ลูกค้าที่จะซื้อรถคันนี้ จะต้องเตรียมหาเงินจ่ายค่าประกันสูงถึงปีละประมาณ 2.5 หมื่นบาทเลยทีเดียว 

ประกันคุณภาพจาก GWM เพื่อความอุ่นใจ

อย่างไรก็ตาม รถยนต์โอร่า กู๊ดแคทที่จำหน่ายออกไป จะได้รับการรับรองคุณภาพแบตเตอรี่และระบบไฟฟ้าทั้งหมด 8 ปี หรือ 1.8 แสนกิโลเมตร และรับประกันคุณภาพตัวรถทุกชิ้นส่วนยกเว้นยางรถยนต์อีก 5 ปีหรือ 1.5 แสนกิโลเมตร แม้แต่แบตเตอรี่สำหรับสตาร์ท ยังเปลี่ยนให้ 1 ลูกเลยในการรับประกันนี้

เกรทวอลล์มอเตอร์ เตรียมตัวที่จะเปิดราคาจำหน่ายอย่างเป็นทางการสำหรับโอร่า กู๊ดแคทในประเทศไทย ในเวลา 19.00 น. ของวันที่ 29 ตุลาคมนี้ โดยเราคาดการณ์ว่าราคาจำหน่ายน่าจะอยู่ที่ 8.49 แสนบาท - 1.049 ล้านบาท หรืออาจจะแพงกว่านี้เล็กน้อยในรุ่นท็อปที่ออพชั่นล้นเหลือ

ใครสนใจเข้าไปกดจองไว้ก่อน ถ้าราคาไม่โดนใจก็ไม่ต้องเสียอะไรนี่... 

อ่านเพิ่มเติม: ORA Good Cat แค่รุ่นแรก GWM ยืนยันมีอีวีตามมาเพียบ เผยวิธีกระตุ้นการซื้อรถไฟฟ้า