อย่างที่ทราบกันดี ประเทศจีนเป็นประเทศที่มีอัตราการใช้รถยนต์ไฟฟ้าเป็นอันดับต้น ๆ ของโลก ด้วยตัวเลือกที่มีให้มากมายจากหลากหลายค่าย รวมถึงราคาที่ไม่แพง
อีกหนึ่งปัจจัยที่ทำให้ชาวจีนเริ่มหันมาสนใจรถยนต์ไฟฟ้ากันมากขึ้น มาจากนโยบาย "เงินชดเชย" ที่จะช่วยลดค่าใช้จ่ายในการซื้อรถใหม่
แต่ล่าสุดรัฐบาลกำลังจะทำการยกเลิกนโยบายกันแล้วในปีนี้ ทำไมกันนะ?
ทางกระทรวงการคลังจีนได้ออกมาประกาศว่า จะเตรียมยกเลิกมาตรการส่งเสริมให้ประชาชนซื้อรถใหม่ให้เป็นรถไฟฟ้า
ซึ่งเงินอุดหนุนจะลดลง 30% ในปี 2022 ก่อนที่จะยกเลิกทั้งหมดในช่วงปลายปี แต่อันที่จริง ทางกระทรวงได้ยืนยันตั้งแต่ในเดือนเมษายน 2020 แล้วว่าเงินอุดหนุน "New Energy Vehicle" จะค่อย ๆ ลดลงระหว่าง 2020-2022 ลงปีละ 10%, 20%, และ 30%ตามลำดับ
ซึ่งนโยบายนี้ เริ่มต้นมาตั้งแต่ปี 2010 แล้ว โดยตั้งเงินชดเชยสำหรับรถยนต์ส่วนบุคคลไว้สูงสุด 9,800 ดอลลาร์สหรัฐฯ (ประมาณ 350,000 บาท) และจะถูกยกเลิกในปี 2022 แต่ด้วยสถานการณ์โควิด จึงได้มีารยืดระยะออกไปก่อน
ตั้งแต่การมีนโยบายออกมา คาดว่ารัฐบาลกลางของจีนใช้เงินไปมากกว่า 2 แสนล้านหยวน โดยรัฐบาลท้องถิ่นใช้เงินอีกราว 1 แสนล้านหยวน
แต่นโยบายนี้ ก็ทำให้ยอดขาย NEV เพิ่มขึ้นจาก 500 คันในปี 2009 เป็น 1.2 ล้านคันในปี 2019
สมาคมวิจัยตลาดยานยนต์ของจีน มีคาดการณ์สำหรับการขาย NEV สำหรับผู้โดยสารใหม่ในปี 2022 ถึง 5.5 ล้านคัน คาดว่าทั้งปี NEV จะขายได้มากกว่า 6 ล้านคัน
จากการที่มีประกาศยกเลิกเงินชดเชย หมายความว่าลูกค้าที่ต้องการจะซื้อรถยนต์ไฟฟ้าใหม่ในปีหน้า จะไม่ได้รับเงินช่วยเหลือ และต้องซื้อราคาเต็ม
ถือว่าสวนทางกับนโยบายของจีน ที่ต้องการเพิ่มยอดขายของรถยนต์ไฟฟ้าให้ได้ 20% ภายในปี 2025 ซึ่งปัจจุบันยังมียอดขายประมาณ 12% เท่านั้น
ก็ต้องติดตามว่า เหล่าผู้ผลิตรถยนต์จะมีมาตรการออกมาอย่างไรบ้าง อย่างเช่นการลดราคา หรือการพัฒนาต่อ
เพราะด้วยในปัจจุบันจากยอดขายที่เพิ่มขึ้นสูง รัฐบาลจีนจึงไม่อาจออกเงินช่วยเหลือต่อไปได้ ไม่เช่นนั้น ก็ต้องเก็บภาษีกับประชาชนเพิ่ม เพื่อให้นโยบายนี้ได้อยู่ต่อ ว่าไหมครับ
ตรวจสภาพรถ 175 จุด
รับประกันคืนเงินภายใน 30 วัน
การรับประกัน 1 ปี
ราคาคงที่ ไม่มีค่าธรรมเนียมแอบแฝง
{{variantName}}
{{carMileage}} กม.
{{registrationYear}} ปี
{{storeCity}}