Tesla เปิดจองรถเทรลเลอร์ Semi ในสหรัฐ เผยสเปควิ่งไกลสุด 805 กม. ราคา 5.2 - 6.2 ล้านบาท

แม้ว่ากระบะไฟฟ้า Tesla Cybertruck จะยังไม่มีการวางขาย แต่รถเทรลเลอร์ขนาดใหญ่ Tesla Semi ก็กำลังจะวางขายแล้วในสหรัฐ 

โดยจะมีการเปิดจองแบบวางเงินไปก่อน แต่ก็ยังไม่มีการคอนเฟิร์มวันที่จะเริ่มผลิตจริงเช่นเคย

วางเงินก่อน 700,000

สำหรับผู้ที่สนใจ จะต้องมีการวางเงินมัดจำไว้ก่อนเป็นจำนวน 20,000 ดอลลาร์หรือประมาณ 694,000 บาทเพื่อเป็นการจองคิว 

โดยได้มีการเปิดเผยรายละเอียดว่าจะมีด้วยกัน 2 รุ่นรวมถึงราคาอีกด้วย

อ่านเพิ่มเติม  Tesla Model Y ผ่านการทดสอบเบรครถด้านหน้า แต่ยังชนเด็กที่ความเร็ว 20 กม./ชม.

โดยจะมีรุ่นหนึ่งราคา 150,000 ดอลลาร์หรือประมาณ 5.2 ล้านบาท ก่อนรวมค่าอื่น ๆ และเคลมว่ามีระยะการวิ่ง 482 กิโลเมตร

และรุ่นเรือธงราคาเริ่ม 180,000 ดอลลาร์หรือ 6.2 ล้านบาท ก่อนรวมค่าอื่น ๆ และเคลมว่ามีระยะการวิ่ง 805 กิโลเมตร

ซึ่ง Tesla Semi ทั้งสองรุ่นจะใช้มอเตอร์ไฟฟ้าถึง 4 ตัวและขับเคลื่อนล้อหลัง Semi จะสามารถเร่งจาก 0-96 กม./ชม. ได้ภายใน 20 วินาที สามารถขนของได้หนักสุด 36 ตัน ซึ่งก็ถือว่าไวกว่ารถบรรทุกดีเซลทั่ว ๆ ไป

นอกจากนี้ยังกล่าวว่าหากไม่มีตู้ที่ด้านหลังหรือของที่ต้องขน ก็สามารเเร่งจาก 0-96 กม./ชม. ได้ภายใน 5 วินาที

เคลมว่ามอเตอร์สามารถใช้งานได้ถึง 1 ล้านไมล์ และแม้มอเตอร์จะไม่สามารถใช้งานได้สองตัว รถก็ยังวิ่งได้

ที่นั่งเดียว

ภาพภายในเผยให้เห็นว่าจะมีที่นั่งแบบเดี่ยวสำหรับคนขับเพียงอย่างเดียว พร้อมกับหน้าจอสัมผัสขนาดใหญ่ 2 ด้านที่สามารถแสดงผลจากจุดบอดได้ด้วยกล้องติดตั้งหลังคาสองตัว

มาพร้อมพวงมาลัยสามก้าน ที่วางแขน และที่วางแก้วน้ำ

แม้จะไม่มีข่าวสารว่าจะวางขายที่ประเทศไหนบ้าง แต่ด้วยการออกแบบที่นั่งเดี่ยวตรงกลางจึงอาจเป็นจะเหมาะสำหรับการขายทุกประเทศ ไม่ต้องมาทำพวงมาลัยขวาอีก และน่าจะขึ้นรถได้จากทั้งสองฝั่งด้วย

นอกจากนี้ตัวรถจะยังมีไฟหน้า LED พร้อท Daytime Running Light

ปลอดภัยแน่นอน

สำหรับระบบความปลอดภัย แน่นอนว่าจะต้องมีระบบ Enhanced Autopilot ที่ได้รับการอัพเกรดมาแล้วเป็นมาตรฐาน แม้จะยังไม่มีรายละเอียดยืนยัน แต่อาจจะมี

• ระบบเบรกอัตโนมัติ
• ระบบเตือนก่อนการชน
• ระบบ Lane Keep

และกล่าวว่าจะมีระบบ Traction Control ที่ดีกว่ารถทั่วไป

สำหรับช่วงเวลาในการผลิตจริง และการส่งมอบยังไม่มีการแจ้งอย่างเป็นทางการใด ๆ ทั้งสิ้น แต่ก็มีหลายแห่งกล่าวกันว่าจะเริ่มมีการส่งมอบภายในสิ้นปีหน้า