Mitsubishi (มิตซูบิชิ) ประกาศว่าพวกเขาจะทำตลาดรถยนต์ไฟฟ้าขนาดเล็กอย่าง 2023 Mitsubishi eK X EV (มิตซูบิชิ อีเค ครอส อีวี) ที่มาพร้อมราคาน่าสนใจที่ 2.398-2.9326 ล้านเยน (ประมาณ 6.47-7.91 แสนบาท) โดยทำตลาดผ่านเครือข่ายอีคอมเมิร์ซอย่างราคูเทนในปีนี้
การเสริมทัพรถยนต์ไฟฟ้าให้กับรถยนต์นั่งขนาดเล็กตระกูลอีเค ถือเป็นครั้งแรกของเวอร์ชั่นรถยนต์ไฟฟ้าในรถเล็กตัวถังกึ่งเอสยูวี ที่มาพร้อมราคาจำหน่ายที่จับต้องได้ และระยะทางวิ่งที่เหมาะสมสำหรับการใช้งานในเมือง โดยยังมาพร้อมความดีงามทุกอย่างของรถในตระกูลนี้
นอกจากนี้ ยังได้รับการเสริมคุณสมบัติที่ดีของเครื่องยนต์ไฟฟ้า ทั้งเรื่องของความเงียบของเครื่องยนต์ และความสะดวกสบายที่ได้รับเพิ่มจากระบบช่วยเหลือด้านการขับขี่และการเชื่อมต่อ และยังเป็นส่วนหนึ่งของแผนการนำเสนอสินค้าที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมของมิตซูบิชิ มอเตอร์ส
น่าใช้ขนาดไหนและควรมาไทยหรือไม่ มาลองชมกัน...
เคคาร์จากค่ายมิตซูบิชิ ที่ออกแบบมาในตัวถังรูปแบบเอสยูวีขนาดย่อม มาพร้อมดีไซน์การออกแบบที่สวยงามสะอาดตา แต่เต็มเปี่ยมไปด้วยฟังชั่นส์ ภายในมาพร้อมหน้าจอแอลซีดีแสดงผลข้อมูลการขับขี่ขนาด 7 นิ้ว ที่แสดงให้เห็นถึงข้อมูลต่าง ๆ รวมถึงการข้อมูลการขับขี่ด้วยระบบไฟฟ้า การส่งงานเป็นหน้าที่ของหน้าจอขนาด 9 นิ้วกลางตัวรถ ที่มาพร้อมระบบนำทาง และการแสดงผลข้อมูลต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการขับเคลื่อนด้วยระบบไฟฟ้าทั้่งหมด
มิตซูบิชิออกแบบและพัฒนารถรุ่นนี้ให้ไม่แตกต่างจากเคคาร์มากนัก คือเน้นการใช้งานที่สะดวก ง่ายดาย และมีระยะทางขับขี่ที่เพียงพอต่อการใช้งานในแต่ละวัน จึงเลือกแบตเตอรี่ที่เพียงพอต่อการขับเคลื่อนเป็นระยะทาง 180 กิโลเมตรต่อการชาร์ตเต็ม ซึ่งเพียงพอต่อการใช้งาน และเหนือกว่าเวอร์ชั่นปกติ ด้วยการส่งกำลังอันนุ่มเงียบของเครื่องยนต์ รวมถึงห้องโดยสารขนาดกว้างใหญ่ ที่เป็นผลมาจากการปรับตำแหน่งการวางแบตเตอรี่ของตัวรถนั่นเอง
อีเค ครอส อีวี มาพร้อมระบบช่วยเหลือด้านการขับขี่มากมาย ไม่ว่าจะเป็น Grip Control ที่ให้ความนุ่มนวลในการขับขี่ ระบบช่วยเหลือด้านการขับขี่ครบครัน รวมถึงการใช้งานระบบช่วยจอด MI-PILOT เป็นครั้งแรก การเชื่อมต่อผ่านแอพพลิเคชั่นที่ให้ควบคุมระบบปรับอากาศและการชาร์จรถยนต์ นอกจากนี้ แบตเตอรี่ในรถยนต์ยังสามารถใช้เป็นสโตเรจและเป็นแหล่งพลังงานในยามที่ต้องการได้อีกด้วย เรียกว่าครบครันทั้งหมดในรถยนต์คันเดียว
แบตเตอรี่ที่เลือกมาใช้เป็นแบตเตอรี่ที่ได้รับการพัฒนามาใหม่ขนาด 20 กิโลวัตต์ ที่สามารถวิ่งได้ระยะทางตามที่กล่าวมาแล้ว ซึ่งสาเหตุที่พวกเขาไม่ทำให้วิ่งได้มากกว่านี้ เพราะมีการทำวิจัยว่ากว่า 80% ของลูกค้าที่ใช้งานรถยนต์เคคาร์และคอมแพคท์คาร์ จะใช้งานรถยนต์ไม่เกิน 50 กิโลเมตรต่อวัน ทำให้สามารถใช้งานรถคันนี้ได้ 2 วันแบบไม่ต้องชาร์จ โดยตัวรถมาพร้อมพอร์ตชาร์จไฟแบบธรรมดาที่ใช้เวลา 8 ชั่วโมง และช่องชาร์จไวที่ชาร์ได้ 80% ใน 40 นาที
ด้วยแรงบิดสูงสุดระดับ 195 นิวตันเมตร ซึ่งมากกว่าเครื่องยนต์เบนซิน เทอร์โบรุ่นที่ทำตลาดอยู่เกือบ 2 เท่า ให้สมรรถนะที่โดดเด่น มาพร้อมโหมดการขับขี่ 3 รูปแบบ ประกอบไปด้วยโหมดประหยัด โหมดธรรมดาและโหมดสปอร์ต มาถึงระบบควบคุมแป้นคันเร่งที่สามารถเร่งหรือชะลอได้ด้วยการเหยียบและปล่อยแป้นคันเร่งเท่านั้น ผสานการติดตั้งแบตเตอรี่ที่มีความบางที่ใต้พื้นรถ และการลดความหนาของหลังคา ทำให้รถมีศูนย์ถ่วงที่ต่ำลง ทำให้ขับขี่ได้ดียิ่งขึ้น
ถือเป็นหนึ่งในรถไฟฟ้าที่น่าสนใจ แต่โอกาสมาไทยคงน้อยนิด...
ตรวจสภาพรถ 175 จุด
รับประกันคืนเงินภายใน 30 วัน
การรับประกัน 1 ปี
ราคาคงที่ ไม่มีค่าธรรมเนียมแอบแฝง
{{variantName}}
{{carMileage}} กม.
{{registrationYear}} ปี
{{storeCity}}