ผู้ใหญ่ซื้อ EV มากกว่าวัยรุ่นในอังกฤษ และยี่ห้อที่อยากได้มากสุด 4 อันดับแรกไม่ใช่ Tesla

จำนวนผู้ที่วางแผนจะเป็นเจ้าของรถยนต์ไฟฟ้า (EV) ในทศวรรษหน้าลดลง จากผลการศึกษาใหม่ของ CarGurus เว็ปไซต์แพลตฟอร์มการซื้อรถยนต์ใช้แล้ว แสดงให้เห็นว่าความต้องการรถยนต์ EV ในระยะยาวของ Brits ลดลง โดย 59% ของผู้คนกล่าวว่าพวกเขาคาดว่าจะเป็นเจ้าของรถยนต์ไฟฟ้าในอีก 10 ปีข้างหน้า เทียบกับ 66% ในปีที่แล้ว ศักยภาพการเป็นเจ้าของในอีกห้าปีข้างหน้า (44% เทียบกับ 40%) ก็ลดลงเช่นกัน

การวิจัยพบว่าผู้ซื้อรถยนต์อายุ 30-44 ปีเปิดรับซื้อรถยนต์ไฟฟ้ามากขึ้นภายในทศวรรษหน้า โดยอ้างว่าเพิ่มขึ้น 7% (65% ถึง 72%) เมื่อเทียบกับ 12 เดือนที่ผ่านมา

ผลการวิจัยพบว่า ความสนใจที่ลดลงส่วนใหญ่มาจากคนรุ่นใหม่ โดยมีแนวโน้มว่ารถยนต์ไฟฟ้าจะถูกนำมาใช้ในอีก 10 ปีข้างหน้าจากกลุ่มอายุ 18-29 ปีจะลดลง 18% (74% เป็น 56%)

ความกังวลเรื่อง EV

Alexandra Howerter นักวิเคราะห์ข้อมูลเชิงลึกลูกค้าอาวุโสของ CarGurus กล่าวว่า "การวิจัยของเราแสดงให้เห็นว่าเรายังคงสังเกตเห็นข้อกังวลเดียวกันเกี่ยวกับ EVs ที่เราได้ยินมานับตั้งแต่ที่พวกเขาเริ่มออกสู่ตลาดในสหราชอาณาจักรเป็นครั้งแรก ไม่ว่าจะเป็นความพร้อมของสถานีชาร์จ หรือการปรับปรุงความสามารถในการชาร์จ”

มีการสัมภาษณ์เจ้าของรถทั้งหมด 963 รายทั่วสหราชอาณาจักรซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของการศึกษานี้ พวกเขาเปิดเผยว่าปัจจัยที่สำคัญที่สุดที่จะโน้มน้าวให้คนขับใช้ไฟฟ้า 49% ของผู้ตอบแบบสอบถามทำให้ความพร้อมของสถานีชาร์จอยู่ที่ด้านบนสุดของรายการ การปรับปรุงเทคโนโลยีโดยอ้างอิงจากช่วงแบตเตอรี่และเวลาในการชาร์จ (47%) และความเท่าเทียมกันของต้นทุนกับรถยนต์ ICE (43%) ก็ถูกเน้นด้วยเช่นกัน

มาตรการจูงใจและส่วนลดภาษี (33%) เป็นหนึ่งในมาตรการที่มีประสิทธิภาพมากที่สุดในการโน้มน้าวให้ผู้คนเปลี่ยน สิ่งนี้เกิดขึ้นหลังจากประกาศของรัฐบาลเมื่อต้นปีนี้ว่ากำลังปิดโครงการให้สิทธิ์ปลั๊กอินสำหรับคำสั่งซื้อใหม่

ผลวิจัยเผยยี่ห้อที่นิยมมากสุด

การวิจัยจาก CarGurus ยังเน้นย้ำถึงแบรนด์รถยนต์ที่เป็นที่ต้องการมากที่สุด ในบรรดาผู้ขับรถยนต์ EV ที่มีศักยภาพพอที่จะซื้อ โดยสามารถให้ผู้ทำแบบสอบถามเลือกได้มากกว่า 1 ยี่ห้อ ผลปรากฎว่า Ford, Audi และ BMW ครองตำแหน่งสูงสุด 3 อันดับแรก รองลงมาคือ Volkswagen และ Tesla