อาจรอรถข้ามปี! เผยปัญหาชิปส์สาหัสยิ่งขึ้นกับกรณีสหรัฐอเมริกา-จีน-ไต้หวัน

ราคาหุ้นของบริษัทผู้ผลิตชิปส์เซมิคอนดักเตอร์ร่วงระนาวต่อเนื่อง หลังได้รับผลกระทบจากวิกฤตความตึงเครียดระหว่างสหรัฐอเมริกาและจีน

แนนซี่ เพโลซี่ ประธานรัฐสภาของสหรัฐ เดินทางเยือนประเทศไต้หวันเมื่อต้นเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา ทำให้ทางการจีนซึ่งมองว่าไต้หวันเป็นส่วนหนึ่งของประเทศตามนโยบาย “จีนเดียว” ไม่พอใจอย่างมากและตอบโต้ด้วยการดำเนินการซ้อมรบด้วยกระสุนจริงรอบเกาะไต้หวันนานหลายวัน

หลายคนอาจมองว่าวิกฤตที่เกิดขึ้นเป็นเรื่องการเมืองระหว่างประเทศ แต่สำหรับคอรถยนต์ต้องจับตามองผลกระทบที่เกิดขึ้นต่อสายการผลิตชิปส์เซมิคอนดักเตอร์ เนื่องจากไต้หวันเป็นผู้ผลิตรายใหญ่ที่สุดของโลก โดยมีบริษัท Taiwan Semiconductor Manufacturing Co. หรือ TSMC เป็นยักษ์ใหญ่เบอร์หนึ่งที่หลายค่ายรถต้องพึ่งพาชิ้นส่วน

มีการคาดการณ์และหวั่นเกรงว่าอุตสาหกรรมชิปส์เซมิคอนดักเตอร์จะได้รับผลกระทบหนักยิ่งขึ้นจากเดิมที่ประสบปัญหาด้านซัพพลายเชนอยู่แล้วหากรัฐบาลจีนยกระดับแรงกดดันต่อไต้หวัน โดยที่ผ่านมา ปักกิ่งประกาศหลายต่อหลายครั้งว่ากองทัพจะไม่อยู่นิ่งเฉยอย่างแน่นอนและจะดำเนินการตอบโต้อย่างหนักหากเพโลซีเดินทางเยือนไต้หวัน

นอกจากการซ้อมรบแบบประชิดเกาะไต้หวัน รัฐบาลจีนยังสั่งแบนสินค้าบางประเภท แต่ยังไม่รวมถึงชิปส์เซมิคอนดักเตอร์แต่อย่างใด

ขาดชิปส์ = ขาดใจ

มาร์ก หลิว ประธานกรรมการ TSMC ยอมรับว่า มาตรการทางการทหารของจีนอาจส่งผลต่อกระบวนการผลิตชิปส์เซมิคอนดักเตอร์ อีกทั้งยังจะสร้างแรงสะเทือนทางเศรษฐกิจอย่างมหาศาล ไม่ใช่ต่อไต้หวันเท่านั้น แต่ยังรวมถึงหลายภูมิภาคทั่วโลก

ข้อมูลของสมาคมเซมิคอนดักเตอร์ ระบุว่า ไต้หวันมีการผลิตชิปส์คิดเป็นสัดส่วน 90% ของการผลิตทั้งหมดทั่วโลก  ขณะที่อันดับ 2 คือเกาหลีใต้ที่มีสัดส่วน 8%

ปัจจุบัน ปัญหาการขาดแคลนชิปส์ส่งผลต่อการผลิตรถยนต์หลายรุ่นอยู่แล้ว และทำให้ลูกค้าต้องรอรับรถนานหลายเดือน อย่าง Honda HR-V ที่ได้รับยอดจองสูงนั้น มีรายงานว่าคอรถยนต์ชาวไทยต้องรอรับกันนาน 6 – 8 เดือนเลยทีเดียว

ปัญหาการขาดแคลนชิปส์เกิดขึ้นตั้งแต่การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 สายการผลิตต้องหยุดชะงักจากมาตรการล็อกดาวน์นานหลายเดือน และเมื่อสถานการณ์ไวรัสคลี่คลายลงบ้าง บริษัทรถยนต์เริ่มเพิ่มกำลังการผลิต แต่การผลิตชิปส์ไม่สามารถไล่ตามความต้องการใช้งานได้ทัน

นอกจากถูกใช้ในรถยนต์แล้ว ชิปส์ยังมีความสำคัญต่ออุปกรณ์อิเลคโทรนิคอีกมากมาย อย่างสมาร์ทโฟน ทำให้ดีมานด์การใช้ชิปส์เพิ่มสูงขึ้นอย่างก้าวกระโดด

Mercedes-Benz Group และ Bosch คาดการณ์ว่าปัญหาชิปส์จะดำเนินต่อไปจนถึงปี 2023 ขณะที่ Intel ชี้ว่าวิกฤตอาจลากยาวไปจนถึงปี 2024 นู่นเลยทีเดียว ขณะเดียวกัน ปัญหาขาดชิปส์ยังทำให้ต้นทุนพุ่งสูงขึ้นเป็นเงาตามตัว

มาตรการตอบโต้ของรัฐบาลจีนจะเป็นปัจจัยสำคัญที่บ่งชี้ว่าวิกฤตชิปส์จะยังคงตัวหรือจะย่ำแย่ลง ดังนั้น ความขัดแย้งทางการเมืองระหว่างประเทศไม่ใช่เรื่องไกลตัวสำหรับคอรถยนต์อย่างเราทุกคน

“สงครามไม่ได้สร้างผู้ชนะ เพราะทุกคนคือผู้แพ้” มาร์ก หลิว ประธานกรรมการ TSMC กล่าวหลังจากรัสเซียประกาศรุกรานยูเครนเมื่อต้นปีที่ผ่านมา