Great Wall Motor (เกรทวอลล์มอเตอร์) ประกาศเปิดตัว Haval H6 (ฮาวาล เอช6) รุ่นที่ 3 อย่างเป็นทางการในประเทศจีน ซึ่งนอกจากการปรับมาใช้เครื่องยนต์ไฮบริดเป็นเครื่องยนต์พื้นฐานแทนเครื่องยนต์เบนซินแล้ว พวกเขายังประกาศรับของเวอร์ชั่นปลั๊กอินไฮบริด ที่มาพร้อมชื่อ Haval H6 PHEV (ฮาวาล เอช6 พีเอชอีวี) อย่างเป็นทางการ
การเปิดตัวเครื่องยนต์พลังงานรุ่นใหม่นี้ เป็นไปตามแผนงานของบริษัทที่ต้องการผลักดันให้รถยนต์พลังงานใหม่มีสัดส่วนการขายถึง 80% ให้ได้ภายในปี 2025 ก่อนที่จะหยุดจำหน่ายรถยนต์เครื่องยนต์ธรรมดาอย่างเป็นทางการในปี 2030 ซึ่งการเปิดตัวรถยนต์รุ่นใหม่ในหลายประเทศ พวกเขาก็มองข้ามเครื่องยนต์ธรรมดาไปเป็นที่เรียบร้อย
ก่อนหน้านี้ Haval (ฮาวาล) เคยนำเข้าเข้าเวอร์ชั่นเสียบปลั๊กของเอช6 เข้ามาจัดแสดงในประเทศไทย พร้อมทั้งประกาศว่าจะเปิดตัวในเดือนสิงหาคม ด้วยระยะทางวิ่งด้วยไฟฟ้าล้วน 201 กิโลเมตร แต่เวอร์ชั่นที่เปิดตัวในจีนนั้น แม้จะมีหน้าตาที่คล้ายคลึงกัน แต่รายละเอียดของสินค้านั้นแตกต่างกันมาก โดยเฉพาะในส่วนของระยะทางที่วิ่งด้วยไฟฟ้าได้
ไม่แน่ใจว่าพอเข้าเมืองไทยแล้วจะยืนหยัดสเปกเดิมที่เคยว่าเอาไว้หรือเปล่า...
ฮาวาล เอช6 เวอร์ชั่นเสียบปลั๊กที่เปิดตัวในประเทศจีนนั้น มาพร้อมเครื่องยนต์ 1.5 ลิตร ที่ทำงานร่วมกับระบบไฮบริดแบบปลั๊กอิน ซึ่งจะให้พละกำลังที่เหนือกว่าเวอร์ชั่นไฮบริด โดยในรุ่นไฮบริดธรรมดา จะให้กำลังสูงสุด 179 กิโลวัตต์และรุ่นปลั๊กอินไฮบริดจะให้กำลังสูงสุดที่ 240 กิโลวัตต์ แต่ให้แรงบิดสูงสุดที่ 530 นิวตันเมตรเท่ากัน มาพร้อมเกียร์อัตโนมัติ 2 สปีด โดยเปิดตัว 2 รุ่นย่อย แตกต่างกันที่ระยะทางวิ่งด้วยไฟฟ้าล้วนที่ต่างกัน โดยรุ่นแพงจะวิ่งได้ 110 กิโลเมตรและรุ่นเริ่มต้นจะวิ่งได้ 55 กิโลเมตร ซึ่งน้อยกว่าระยะทางวิ่งของเวอร์ชั่นที่นำมาแสดงในประเทศไทยเกือบครึ่ง
ยังไม่มีการยืนยันว่าหากมีการเปิดตัวเวอร์ชั่นปลั๊กอินไฮบริดในประเทศไทยจริง ซึ่งไม่รู้ว่าจะเมื่อไรกันแน่ รถยนต์คันนั้นจะยังมาพร้อมระยะวิ่ง 201 กิโลเมตรหรือเปล่า แต่ที่แน่ ๆ ราคาจำหน่ายเวอร์ชั่นปลั๊กอินไฮบริดในจีนนั้นแพงกว่าเวอร์ชั่นไฮบริดธรรมดาที่ 15-20% เพราะฉะนั้น หากเทียบกับราคาในประเทศไทยก็อาจจะเห็นราคาของเอช6 พีเอชอีวี เริ่มต้นที่ระดับ 1.5 ล้านบาท และอาจจะแพงกว่านั้นไปอีก หากฮาวาลยังยืนยันที่จะใช้แบตเตอรี่ขนาดใหญ่ที่วิ่งได้ตามระยะทางที่บอกเอาไว้ ก็จะทำให้ต้นทุนเพิ่มสูงขึ้น และส่งผลให้ราคาจำหน่ายแพงขึ้นไปอีก
การเปลี่ยนแปลงของรุ่นปลั๊กอินไฮบริดที่ชัดเจนก็คือการปรับเปลี่ยนกระจังหน้าและชุดกันชนหน้าใหม่ของรถ ให้มีความโดดเด่นและโฉบเฉี่ยวมากขึ้นกว่าเดิม มีการนำแถบตกแต่งกระจังหน้ามาใช้ พร้อมการเล่นลวดลายแบบ 3 มิติที่ทำให้รถดูโฉบเฉี่ยวขึ้น ภายในนั้นไม่ได้แตกต่างจากเวอร์ชั่นที่จำหน่ายอยู่ในประเทศไทย และยังมาพร้อมระบบต่าง ๆ อย่างครบครัน เรียกได้ว่าเหมือนยกไปจากรุ่นไฮบริดเลยก็ไม่แปลก ซึ่งฮาวาลนั้น ยืนยันอัตราการสิ้นเปลืองน้ำมันเวอร์ชั่นไฮบริดที่ 4.9 ลิตรต่อ 100 กิโลเมตร แต่ไม่ได้เปิดเผยตัวเลขของเวอร์ชั่นปลั๊กอินไฮบริดแต่อย่างใด แต่คาดว่าน่าจะทำได้ดีกว่า
มาลุ้นกันอีกทีว่าเวอร์ชั่นเข้าเมืองไทยจะได้แบตเตอรี่ขนาดไหน วิ่งไกลไหม และราคาเท่าไหร่กัน!!!
ตรวจสภาพรถ 175 จุด
รับประกันคืนเงินภายใน 30 วัน
การรับประกัน 1 ปี
ราคาคงที่ ไม่มีค่าธรรมเนียมแอบแฝง
{{variantName}}
{{carMileage}} กม.
{{registrationYear}} ปี
{{storeCity}}