การลดราคาจำหน่ายรถยนต์ของ Tesla (เทสล่า) ทั่วโลก สร้างความแตกตื่นให้กับอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้า (อีวี) มากพอสมควร และยังเป็นคำถามในใจของผู้ใช้งานว่าเป็นแค่นโยบายทางการตลาดที่ต้องการเรียกลูกค้าเท่านั้น หรือมีอะไรที่แอบแฝงอยู่อีก ซึ่งก็สอดคล้องกับการที่ผู้บริหารของเทสล่าออกมาแสดงความเห็นว่าพวกเขามุ่งเน้นไปที่ยอดจำหน่ายที่เพิ่มขึ้นเป็นหลัก
อย่างไรก็ตาม ดูเหมือนว่าบรรดาคู่แข่งหลายรายกลับดูไม่ค่อยเห็นด้วยกับมาตรการดังกล่าวของเทสล่านัก เนื่องจากมองว่าจะไม่ส่งผลดีต่อกลไกการทำตลาดในระยะยาว ล่าสุด จิม ฟาร์ลีย์ ซีอีโอของ Ford (ฟอร์ด) ได้ออกมาให้สัมภาษณ์ผ่าน Fully Charged Podcast ว่าการทำลดราคาจำหน่ายลงเพื่อกระตุ้นยอดขายของเทสล่าจะเป็นการกระตุ้นได้เพียงชั่วคราวและไม่สามารถอยู่ได้ยาวนาน
"จะมีคนที่แสดงความสนใจลดน้อยลงเรื่อย ๆ หากคุณยังคงเดินหน้าลดราคาจำหน่ายต่อไปเรื่อย ๆ เรื่องนี้ เฮนรี่ ฟอร์ด (ผู้ก่อตั้งฟอร์ด) เคยประสบมาแล้วในการทำตลาดรถยนต์รุ่นยอดนิยมอย่าง Model T (โมเดล ที) ซึ่งคุณกำลังทำให้สินค้านั้นกลายเป็นสินค้าพื้นฐานที่ตอบสนองความต้องการทั่วไปเท่านั้น ก็นั่นล่ะ ราคามันคือสิ่งที่แสดงออกให้เห็นถึงทุกอย่างอยู่แล้ว" ฟาร์ลีย์กล่าวในการสัมภาษณ์
เกิดอะไรขึ้นกับโมเดล ที ในอดีต และเทสล่าในปัจจุบัน มาดูกัน...
ฟาร์ลีย์บอกว่ามาตรการที่เทสล่าทำอยู่ทำให้เขานึกถึงสิ่งที่ฟอร์ดทำกับโมเดล ที ซึ่งต้องย้อนกลับไปในยุคศตควรรษ 1900 เมื่อฟอร์ดเปิดตัวรถยนต์รุ่นยอดนิยมของเขาในปี 1909 ด้วยราคาจำหน่ายในขณะนั้นที่ 825 ดอลลาร์สหรัฐ และก็ทำการปรับลดราคาจำหน่ายลงเรื่อย ๆ จนเหลือเพียง 345 ดอลลาร์สหรัฐ ในปีที่ 7 ของการผลิตเพื่อกระตุ้นยอดจำหน่าย และส่งผลดีต่อการทำตลาดเมื่อยอดขายของรถคันนี้เติบโตขึ้น 62% ก่อนที่ราคาจำหน่ายของรถจะตกต่ำลงเรื่อย ๆ จนเลิกผลิตไปในปี 1927 ในท้ายที่สุด
ซีอีโอของฟอร์ดระบุว่าปัญหาเรื่องความผันผวนของราคาในครั้งนั้น ทำให้ฟอร์ดเกือบถึงขั้นล้มละลายกันเลยทีเดียว ซึ่งเขาก็คิดว่ามันเป็นกรณีศึกษาที่ดีสำหรับเทสล่าเช่นกัน ซึ่งแบรนด์ผู้นำตลาดรถยนต์ไฟฟ้าได้รับผลกระทบอย่างมากจากรายงานตัวเลขผลประกอบการล่าสุด ที่จะเห็นว่าผลกำไรจากการดำเนินงานในไตรมาสล่าสุดลดลงเหลือ 9.6% เมื่อเทียบกับ 11.4% ในไตรมาสก่อนหน้า ส่งผลให้ตัวเลขกำไรสุทธิของพวกเขาลดลงเหลือ 18.2% แม้จะสูงกว่าค่ายอื่นในตลาด แต่ก็เป็นตัวเลขที่ต่ำสุดใน 16 ไตรมาส
เทสล่านั้นได้เซ็นสัญญาร่วมกับผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้าจากจีนอีก 15 ค่าย เพื่อที่จะยุติสงครามราคาสำหรับรถยนต์ไฟฟ้า ซึ่งฟาร์ลีย์มองว่า ผู้ผลิตรถยนต์จากประเทศจีน ไม่ว่าจะเป็น BYD (บีวายดี) Geely (จีลี่) หรือ SAIC (เอ็มจี) ต่างก็มีศักยภาพในการแข่งขันที่สูง และแต่ละแบรนด์ก็มีนโยบายที่โดดเด่น โดยเฉพาะเรื่องการบริหารจัดการซับแบรนด์ที่เข้ามาดูแลตลาดรถยนต์ไฟฟ้าโดยเฉพาะ ซึ่งทั้งหมดนี้คือคู่แข่งสำคัญของฟอร์ดในตลาดอีวี โดยที่ความท้าทายก็คือการสร้างซอฟท์แวร์สำหรับรถไฟฟ้าให้ได้ในอนาคต
เพื่อท้าชนกับผู้ผลิตรถยนต์จากจีนที่ทำทุกอย่างภายในบริษัทแล้วนั่นเอง...
ตรวจสภาพรถ 175 จุด
รับประกันคืนเงินภายใน 30 วัน
การรับประกัน 1 ปี
ราคาคงที่ ไม่มีค่าธรรมเนียมแอบแฝง
{{variantName}}
{{carMileage}} กม.
{{registrationYear}} ปี
{{storeCity}}